Sep 16, 2012

Plain of Jars อภิมหาไหแห่งเชียงขวาง

Trip Nov. 2009 [Northen Lao : Ponsawan -Vangvieng]



เคยเห็นรูปทุ่งที่เต็มไปด้วยไหใบใหญ่ยักษ์มานานแล้ว สืบค้นหาข้อมูลได้มาว่าเขาเรียกกันว่า ทุ่งไหหิน อยู่แขวงเชียงขวาง ประเทศลาว ใกล้ๆบ้านเรานี่เอง กางแผนที่มาดูอีแคว้นเชียงขวางนี่มันอยูแถบเหนือของลาว หาวิธีการไปได้ 2 ทาง คือรถและเรือบิน บ๊ะ....ท่าจะเมืองใหญ่ มีสนามบินด้วย หะแรกจะไปกันสองคนตายาย แต่เพื่อนสาว 2 คน พอทราบว่าเราจะไปตะลุยดูไหกัน เลยขอไปด้วย ดีเลยไปกัน 4 คนกำลังเหมาะ



O ขี่เรือบินไปตั้งต้นที่เวียงจันทน์ O

การวางแผนของเราจำกัดอยู่ที่เวลา 4 วัน ดังนั้นจึงยอมทุ่มทุนขี่เรือบินไปดีกว่า นั่งรถเมล์ไม่กี่ป้ายจากทีทำงานต้นถนนสีลมไปสำนักงานการบินลาวที่สีลมพลาซ่า ติดต่อจองตั๋วไปกลับ กรุงเทพ-เวียงจันทน์ รวมทั้งบินในประเทศจากเวียงจันทน์ไปเชียงขวางด้วย ขากลับเราจะนั่งรถจากเชียงขวางไปวังเวียง แล้วจากวังเวียงไปเวียงจันทน์ คิดคำนวณค่าเรือบิน 3 ขา ตกคนละประมาณ 1 หมื่น แพงเหมือนกันแต่ประหยัดเวลาดี มันแพงที่บินในประเทศแหละ

ศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2552 ทั้ง 4 ชีวิตก็ขี่เรือบินจากสุวรรณภูมิไปลงสนามบินวัดไต เมืองเวียงจันทน์ เครื่องการบินลาวขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเต็มลำด้วยคนไทย คนเวียดนาม คนลาว และคนลาวที่มาจากอเมริกา (พวกนี้ได้ยินว่ามาจากอริโซน่า คงไปทำงาน แล้วได้พักยาวบินกลับมาเยี่ยมบ้าน มากันเป็นหมู่คณะเลย) นั่งหลับๆตื่นๆไปเกือบ 2 ชั่วโมง สิบเอ็ดโมงกว่าก็มาถึงสนามบินวัดไต แห่งมหานครเวียงจันทน์ ต้องออกจากสนามบินระหว่างประเทศ ขนกระเป๋าข้ามไปอาคารในประเทศเอง เขาไม่เช็คต่อให้ มีเวลาเหลือประมาณชั่วโมงกว่า ไปเช็คอินเครื่องภายในประเทศแล้วเดินกลับมานั่งซดกาแฟลาวที่ร้านกาแฟในสนามบินระหว่างประเทศ เพราะมีแอร์เย็นสบาย สนามบินปรับปรุงใหม่โอ่โถงหรูหรากว่าที่เคยมาเมื่อ 2-3 ปีก่อนเยอะเลย แต่สนามบินภายในประเทศยังเหมือนเดิมเปี๊ยบ คือเหมือนอาคาร บขส.ต่างจังหวัดบ้านเรา ทั้งภายนอกและภายใน เราเคยเห็นแล้วเลยไม่ตื่นเต้น เพื่อนอีกคนไม่เคยเห็นถึงกับอึ้งไปเลย เราบอกว่านี่ก็ปรับปรุงแล้วนะ เพราะที่ชั่งน้ำหนักกระเป๋าเป็นดิจิตอลแล้วนา คราวก่อนยังเป็นตาชั่งอยู่เลยนะ...



กินกาแฟไปถือโอกาสแลกเงินด้วย เรตวันนั้นคือ 1,000 บาท แลกได้ 255,640 กีบ คิดง่ายๆก็ 250 กีบเท่ากับ 1 บาทไทย มีเงินเป็นฟ่อนๆเลย สี่คนแลกกันมารวมเป็นล้าน รวยขึ้นทันตาเห็น แต่ค่ากาแฟในสนามบินก็แก้ว 25,000 กีบไปแล้ว แพงจริงๆ ถึงเวลาก็ไปขึ้นเครื่อง บินไปอีกแค่ 40 นาทีก็ถึงแล้วสนามบินเชียงขวาง สนามบินไม่ใหญ่โต ขนาดประมาณสนามบินปายได้มั๊ง ลงจากเครื่องเดินกันบนลานบินไปอาคาร แดงแรงมาก ลมเย็นไปไหนหมดเนี่ย ไหนใครบอกเชียงขวางเย็นทั้งปี ไปถึงอาคารมีชายลาวหน้าตาง่วงๆยืนถือป้ายรอรับ เพราะให้เจ้ากุ้ง trip&trek จองที่พักคืนแรกไว้ไห้ จองไว้ที่โรงแรมวันชนะ ที่พักที่เขาว่าดีที่สุดในโพนสะหวันเลยนะ จากสนามบินนั่งรถเข้าเมืองไปสัก 15-20 นาที โรงแรมวันชนะอยู่ในซอยเข้าไปซะลึกเชียว แต่โรงแรมดูหรูหรา วิวสวยมองลงมาเห็นเมืองโพนสะหวันได้กว้างเลย แต่เราจะออกไปไหนยังไงล่ะเนี่ย พี่คนขับรถโรงแรมเลยมาถามว่าจะลงไปการท่องเที่ยวมั๊ยเดี๋ยวไปส่ง พวกเราเลยตกลง ที่ไหนได้พี่แกพาไปบริษัทฯท่องเที่ยวต่างหาก

จากความคิดแรกที่วันนี้เพิ่งบ่ายสามโมง ว่าจะไปชมทุ่งไหหินอันใกล้ ชมแสงเย็นก่อนเป็นออเดิร์ฟก็ต้องพับไป เพราะบริษัทฯทัวร์มันอิดออด มันจะให้ไปแบบเหมาวันพรุ่งนี้เลย มันคิดคนละ 300,000 กีบ โอ้วแม่เจ้า...ตกคนละพันบาท ตกลงกันไม่ได้ เราเลยเดินออกมา พี่วัฒน์ไปคุยกับรถสามล้อจะให้พาไปทุ่งไหหินอันใกล้ รถสามล้อคิดราคาคนละไม่กี่หมื่นกีบ แต่พี่ทัวร์ตามมาขู่บอกว่าพวกนี้ไม่มีใบอนุญาตท่องเที่ยว พาไปก็เข้าไม่ได้ แต่เราไม่เชื่อหรอก เพราะอ่านมาแล้วว่าบางคนเหมาสามล้อไป แต่พูดไปพูดมาสามล้อก็อึกอักซะงั้น บอกว่าไม่รับประกันว่าเข้าได้ อ้าว...เลยเปลี่ยนใจบอกให้พาไปสำนักงานการท่องเที่ยวโพนสะหวัน รู้ว่ามันอยู่แถวตลาดน้ำงาม แต่ทุกคนบอกว่า สนง. ปิดแล้ว ฮ่วย!! แค่สามโมงครึ่งปิดแล้วเหรอฟะ (มาคุยกับสามล้อทีหลังมันบอกว่า มันไปได้แต่มันกลัวบ.ทัวร์ แกล้งโทรไปแจ้งตำรวจ ถ้าเราออกจากโรงแรมมาเรียกรถสามล้อเลยก็หมดเรื่องไปแล้ว นี่ไปเข้าบ.ทัวร์ซะก่อน) เลยไม่ไปไหนกันแล้ว เพิ่งนึกได้ด้วยว่ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยง เลยไปนั่งกินข้าวเที่ยงกันแทน ระหว่างนั้นนายหน้าซึ่งบอกว่าตัวเองเป็นฟรีแลนซ์ก็มาติดต่อชวนไปเที่ยวพรุ่งนี้ บอกว่าฮีมีลูกทัวร์คนไทยอยู่แล้ว 3 คน สู้ราคาไม่ไหว ถ้าพวกเราอีก 4 คนไปด้วยเป็น 7 คนก็หารกันพอไหว คิดคนละ 150,000 กีบ เลยคุยกันที่ร้านข้าวตกลงต่อราคากันได้ราคาคนละ 135,000 กีบ ตกคนละ 540 บาท ไม่รวมค่าเข้า ไม่รวมค่าข้าว ก็พอๆกะที่บ.ทัวร์แรกคิดนั่นแหละ แต่นั่นมันให้เราเหมา 4 คน 1 คัน มันเลยแพง คิดจริงๆแล้ว รถตู้ 1 คนมันก็พยายามให้ได้ราคารวมที่สี่พันถึงห้าพัน แล้วแต่มีคนไปกี่คน พวกเรารวมกันได้ 7 คนคนละห้าร้อยกว่าบาท ก็รวมเป็นสามพันเจ็ดกว่าๆ เฮ้อ...กว่าจะตกลงกันได้เหนื่อยมาก



กินข้าวเสร็จก็เย็นพอดี ตาฟรีแลนซ์แนะนำว่าให้ไปเดินเที่ยวแถวสนามบินเก่า มีพวกม้งมาจับคู่กัน เออ...ว่าเห็นอยู่เหมือนกันตามรายทาง แต่งตัวเต็มยศแบบม้งยืนตั้งแถวโยนลูกบอลไปมา เขาบอกว่าเป็นพิธีหาคู่ยังงงๆอยู่ แต่ก็เดินไปดูกัน เดินไปไม่ไกล เห็นม้งแต่งตัวสวยๆเดินกลับกันมาตามรายทาง อากาศเริ่มเย็นลงๆ ไปถึงลานจัดงาน เขาเลิกกันแล้ว เหลือแต่ร้านปาลูกโป่งอยู่ 4-5 ร้าน เดินดูเล่นไปสักพักชักหนาว เลยเดินกลับโรงแรม โฮ่...ไกลใช่ย่อย แถมไปถึงปากซอยแล้วมืดมาก ยังต้องเข้าอีกลึก เลยโทรไปเรียกรถโรงแรมมารับ เขาก็บริการให้ ค่อยยังชั่วหน่อย กลับไปห้องหลับยาวโลดเลยคืนนี้




O เจอ ไหกันซะที O

เช้านี้ตื่นมาอย่างหนาวเหน็บ วิวจากโรงแรมวันชนะมองได้กว้างไกลดีจริงๆ แต่คืนนี้ขอลี้ภัยลงไปนอนในเมืองดีกว่า จะได้ไม่ลำบากลำบนตอนกลางคืน แถมได้ประหยัดค่าที่พักไปครึ่งนึงด้วย เมื่อวานพี่วัฒน์ไปเดินเซอร์เวย์ดูห้องมาแล้ว เจอที่นึงเปิดใหม่ สะอาดโอ่โถงราคาครึ่งเดียวของที่นี่เอง
อาหารเช้าแบบอเมริกันแสนน่าเบื่อ แต่ขนมปังฝรั่งเศสสุดแสนนุ่ม น้ำผลไม้แสนอร่อย เติมซะ 3 รอบ อากาศหนาวใส่เสื้อหนาว ผ้าพันคอ ใส่หมวก ในขณะที่ฝรั่งใส่แขนยาวธรรมดา ลุงคนนึงใส่แขนสั้นต่างหาก บ๊ะ...เช็คอุณหภูมิที่หน้าโรงแรมมันแค่แปดองศาเองนา... ไม่หนาวกันหรือไง

เกือบเก้าโมงเช้า รถตู้ถึงขึ้นมารับ ทักทายหนุ่ม 3 คนที่ร่วมทัวร์วันนี้ หนุ่มๆถามว่าโห..ที่พักลึกจังครับ เราเลยบอกว่าถึงได้เช็คเอาท์ย้ายที่แล้วไงคะ ไม่ไหวๆ เที่ยวเสร็จเดี๋ยวเย็นพักข้างล่างเลยดีกว่านะ 3 หนุ่มพักที่รร.ดอกคูณริมถนนกลางเมือง เราจะพักที่ รร.อนุรักษ์แคนลาว รร.เปิดใหม่ซิงๆไม่กี่อาทิตย์ เข้าซอยไปนิดนึง ไม่ห่างกัน ราคาแค่ 600 บาท รร.ดอกคูณเราไปดูมาแล้วถูกกว่า 200 แต่ที่พักสภาพเก่ากว่าแคบกว่ามาก ใครไปโพนสะหวัน แนะนำเลย อนุรักษ์แคนลาว

โปรแกรมวันนี้เราจะไปทุ่งไหหินทั้ง 3 ที่ เริ่มจากทุ่งไหหิน 2 แล้วไป ทุ่งไหหิน 3 แล้วไปเที่ยวเมืองคูน เมืองหลวงเก่า จากนั้นตบท้ายรายการด้วยทุ่งไหหิน 1 ซึ่งใกล้เมืองโพนสะหวันที่สุด แต่พี่ฟรีแลนซ์แกบอกว่าแกจะให้รถเพิ่มพิเศษพาไปดูทุ่งไหหินเปิดใหม่อีกที่เป็นของแถม บ๊ะ....มีแถมด้วย



ทุ่งไหหินทุ่ง 2 ห่างจากตัวเมืองประมาณ 25 กม. ทางไปลาดยางดีตลอด ยกเว้นพอเลี้ยวทางแยกเข้าไปเป็นทางลูกรัง ระหว่างทางแวะดูบ้านต้มเหล้า, หมักข้าวหมาก หนุ่มๆซื้อกรอกใส่ขวดกันไปใหญ่ เราชิมแล้วรดชาดเฝื่อนๆ ร้อนท้องใช้ได้เลย ไม่นานก็มาถึงทุ่ง 2 ค่าเข้าชมแต่ละทุ่งคนละ 10,000 กีบ เท่ากับ 40 บาท ทุ่งนี้จุดเด่นอยู่ที่ไหหินทรงเหลี่ยม วางนอนแอ้งแม้งอยู่ชัดเจน มีไหหินกระจัดกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ ไกด์ม้งเล่าอะไรไปบ้างไม่ได้ฟัง เดินถ่ายรูปไปเรื่อย เพราะทิวทัศน์รอบข้างสวยมาก มองได้กว้างๆ มีทิวสนสวยงามต่างหาก การเดินชมทุ่งไหหินทุกที่ ต้องมองทางเดินดีๆอย่าออกนอกทาง เพราะยังมีระเบิดที่ยังไม่เก็บกู้อยู่เต็มไปหมด

จากนั้นนั่งรถต่อไปอีกไปทุ่ง 3 ทุ่งนี้ห่างจากเมือง 35 กม.ได้ ไปถึงต้องเดินผ่านทุ่งนา ข้ามลำธารไปอีก เดินไปจนถึงบริเวณล้อมรั้วไม่ไผ่ จะมีไหหินเต็มไปหมด ที่ต้องล้อมรั้วไว้เพื่อกันวัวควายเข้าไปทำลายเพราะมันอยู่กลางที่ทำกินชาวบ้านเลย  แต่พวกทำงานเป็นวัวเป็นควายอย่างเราเข้าได้สบายมาก จุดเด่นของทุ่ง 3 นี่คือภายในไหจะสกัดเป็นเหลี่ยม ในขณะที่ทุ่งอื่นภายในไหเป็นกลมๆ

แค่ 2 ทุ่งก็เที่ยงแล้ว ไปพักกินข้าวเที่ยงที่เมืองคูน เมืองหลวงเก่าของแคว้นเชียงขวาง เมืองนี้โดนสงคราวเวียดนามถล่มซะเหลือแต่ซาก  หลังสงครามจึงย้ายมาสร้างเมืองใหม่คือ โพนสะหวัน ห่างจากที่เดิมสัก 30 กม. ได้ พักกินข้าวอาหารง่ายๆพวกเฝอ ลาบหมู ต้มไก่กินกับข้าวเหนียว อิ่มดีแล้ว ไกด์ม้งพาไปดูทุ่งแถม ไม่แน่ใจว่าเป็นทุ่ง 16 หรือ 15 ไปถึงมันมีอยู่ 4-5 ใบ ไม่รู้จะแถมทำไม ไม่น่าสนใจ ถ่ายรูปกัน 2-3 ใบก็กลับเข้าเมืองคูน มาดูวัดเพียวัด ซึ่งโบสถ์โดนระเบิดพังไปแล้ว เหลือพระประธานตากแดดตากลมอยู่ จากนั้นก็ไปดูพระธาตุฝุ่น เป็นพระธาตุก่ออิฐทรงลังกา สภาพทรุดโทรมถูกทำลาย องค์พระธาตุถูกเจาะทำลายจนเดินทะลุได้ คงเข้าไปขุดหาสมบัติกัน ช่างไม่กลัวกันซะเลย

จบโปรแกรมด้วยทุ่งไหหินทุ่ง 1 ซึ่งอยู่ใกล้โพนสะหวันที่สุด ห่างแค่ 10 กิโลเมตร นั่งรถสามล้อมาได้ ใกล้นิดเดียว แต่ทุ่งอื่นมันค่อนข้างไกล ฝุ่นตรึม นั่งสามล้อมาคงหัวแดง ทุ่ง 1 นี่เหมาะแก่การมาช่วงเย็น เพราะแสงสาดเข้าสวยมาก ทุ่งนี้ค่อนข้างใหญ่และกว้าง ไหก็ใหญ่ ปากไหเป็นขอบ เหมือนขอบตุ่มบ้านเรา มีอยู่ 1 ไหที่เป็นไฮไลต์คือยังมีฝาวางปิดปากไห ที่ทุ่ง 2 กับ 3 ก็มีฝา แต่มันกองอยู่กับพื้น

บริเวณทุ่ง 1 ช่วงแรกด้านบน จะมีไหใหญ่ๆอยู่ ค่อนข้างสมบูรณ์ มองลงไปด้านล่างไกลๆ จะมีไหอีกเป็นทุ่ง ใบเล็กกว่าแต่มันเยอะสมกับชื่อทุ่งไหหิน เดินเลยทุ่งล่างไป มีเนินให้เดินขึ้นไปอีก ด้านบนมีไหนิดหน่อย แต่ขึ้นไปแล้วมองลงมาเห็นวิวรอบด้านสวยดี สามารถเดินวนกลับไปที่จอดรถได้เลย นอกจากทุ่งไหหินแล้วยังมีถ้ำอยู่ 1 ถ้ำ เข้าไปดูแล้วไม่มีอะไร เป็นถ้ำตันตื้นๆ มีช่องแสงส่องลงมา นอกนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจ เดินเอ้อระเหยจนบ่ายแก่ จึงกลับเข้าเมือง แยกย้ายกันเข้าที่พัก กลับออกมาหาอาหารเย็นกินแถวปากซอย หลังจากเดินดูตามร้านแถวนั้นแล้ว ปากซอยโรงแรมเราเจ๋งสุด มีไก่ย่าง หมูย่าง ย่างกันควันฉุยจึงจ่อมกันที่นี่ อร่อยใช้ได้ เจอ 3 หนุ่มนั่งซดเหล้าต้มที่ซื้อมากับไกด์และเพื่อนชาวลาวแถวนั้น (มีเหล้าแล้ว ใครๆก็อยากเป็นเพื่อน) ไปร่วมกรึ๊บมาคนละกรึ๊บก่อนกลับโรงแรม อากาศหนาวดี



O วิงเวียนไปวังเวียง O

ตื่นแต่เช้าไปเดินชมตลาดเช้าโพนสะหวันก่อนลาไปวังเวียง ตลาดเช้าขนาดไม่ใหญ่ ของขายไม่เยอะ เจอพวกขายสัตว์ป่าอีกแล้ว เห็นแล้วเศร้า อีเห็น ชะมด เม่น นอนขาแขนกางน่าอนาจใจจริงๆ เดินได้ไม่นานไม่มีอะไรน่ากิน เลยกลับโรงแรม ระหว่างทางเจอร้านข้าวแกง เลยสอยหมูทอดข้าวเหนียวกลับไปกิน โชคดีจริงๆ เพราะอาหารโรงแรมมีแค่ขนมปังกับไข่ดาว สุดแสนเบื่อ

แปดโมงครึ่งพี่ไกด์ฟรีแลนซ์มานั่งรอยิ้มเผล่แต่ตาโรยๆบอกว่าเมื่อคืนพา 3 หนุ่มไปเที่ยวเธคมา เลยเพิ่งตื่น เราจองตั๋วรถตู้ไปวังเวียงไว้ ส่วน 3 หนุ่มจะไปหลวงพระบาง พวกเราเที่ยวกลับด้านกัน ไปรอขึ้นรถตู้ที่ท่ารถตรงบ้านสบายรีสอร์ท ได้เจอร่ำลากันพอดี รถตู้ที่ไปวังเวียงว่างพวกเรา 4 คน ฝรั่งอีก 1 น้าสาวคนลาวอีก 1 นั่งกันสบาย คนส่วนมากมาต่อรถไปหลวงพระบาง ค่ารถไปวังเวียงคนละ 80,000 กีบ ตกคนละ 500 บาท เกือบเก้าโมงเช้าเริ่มออก ช่วงแรกยังไม่เท่าไหร่ นั่งไปๆ โอ้โห ทางก็โคตรจะคดเคี้ยว พี่คนขับก็เหยียบมิด มันเลยทั้งเวียนทั้งเหวี่ยง ระหว่างทางสอยม้งขึ้นมาได้เพิ่มอีก 1 คน ขนาดม้งขึ้นมานั่งไม่เท่าไหร่ยังเปิดกระจก อ้วกมันตลอดทาง ไปถึงที่ๆพี่ม้งจะลง แกลงไปยืนเอียงๆเดินเป๋เข้าหมู่บ้านไป วิ่งมาสัก 3 ชั่วโมง เพื่อนเราเดี้ยงไป 1 คว้าถุงมาโอ้กอ้าก ผ่านแยกเมืองพูคูนพี่คนขับบีบแตรหาลูกค้าเพิ่มไม่มีใครไป พี่แกท่าทางอารมณ์เสีย ว่าแล้วก็บึ่งต่อไปพักกินข้าวที่เมืองกาสีตอนเที่ยงครึ่ง ลงจากรถไปโอ้กอ้ากกันเต็มที่ ฝรั่งยังมึน โชคดีว่าเพื่อนเดี้่ยงไปคนเดียว เราก็เจียนๆแต่รอด เลยลงไปซัดเฝอร้อนๆสักชามค่อยยังชั่ว

จากเมืองกาสีเข้าวังเวียงทางไม่โหดแล้ว นั่งไปอีกแค่ชั่วโมงเดียวก็มาถึงท่ารถวังเวียง บ่ายโมงครึ่งที่วังเวียงร้อนมาก แดดเปรี้ยง มิน่า 3 หนุ่มบอกให้เล่นห่วงยางล่องน้ำซอง จัดแจงเรียกรถไปที่พักทวีสุขรีสอร์ทตามที่ 3 หนุ่มแนะนำ สามล้อ อิดๆออดๆบอกว่าเมื่อวานทัวร์เข้าเยอะโง้นงี้ อย่าไปสนใจ ไปก่อนไปดู ไปถึงที่พักออกจะว่าง ได้ห้องริมแม่น้ำซองราคา 500 บาท โคตรจะถูก วิวหน้าห้องอย่างงาม จากนั้นก็เป็นการพักผ่อน นั่งกินข้าว ซดเบียร์ลาวริมน้ำซองกันพอฟื้น เลยออกไปเช่าจักรยานขี่เล่นกัน ที่แรกเข้าไปที่ถ้ำจังไม่ไกลจากที่พัก เสียค่าเข้าเหมือนเข้าสวนสาธารณะ ไป 1,5000 กีบ เข้าไปแล้วต้องจอดจักรยานเดินข้ามสะพานแขวนไปฝั่งตรงข้ามไปถึงทางขึ้นถ้ำ เก็บตังค์อีกรอบ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าบอกว่าจะปิดแล้ว ขึ้นไปเดินดูลงมาไม่ทันหรอก ว๊า....ไอ้คนขายตั๋วทางเข้าก็ไม่บอก พอดีมีคนลาว 3-4 คนมา ส่งภาษากันสักพัก จนท.หน้าง้ำๆบอกว่า อยากขึ้นก็ได้ซื้อตั๋วเลย ให้ 15 นาทีนะ จะปิดไฟในถ้ำ เราเลยเข้าด้วย 2 สาวบอกรอข้างล่างไม่สู้ล่ะ เราเลยไปกัน 2 คน เที่ยวถ้ำแบบด่วน ปีนขึ้นไปเดินในถ้ำได้แค่ 2-3 ห้อง ถ่ายรูปได้นิดหน่อย ก็เป็นถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยพอใช้ได้ ด้านหนึ่งมีช่องทะลุออกไปมองวิวแม่น้ำซองได้ มุมนี้สวยมาก สักพักเจ้าหน้าที่ก็มาโว๊กเว๊กไล่กลับ สนุกดี ลงมาเจอฝรั่งอีกกลุ่มที่ทางเข้าด้านหน้า จะรีบไปบอกก็ไม่ทันแล้วกว่าจะไปถึงจ่ายเงินฉีกบัตรไปเรียบร้อยแล้ว น่าโมโหอีเจ้าหน้าที่นั่นจริงๆ...

ปั่นจักรยายต่อไปในเมือง แถบกลางเมืองริมน้ำซองมีที่พักแบบเกสเฮาส์เยอะแยะ เต็มไปด้วยฝรั่ง บรรยากาศเหมือนข้าวสารบ้านเรา มีผับ มีบาร์ ดีแล้วที่เรานอนที่ทวีสุข ออกมาด้านนอกๆหน่อย สงบ วิวสวย ปั่นจักรยานเล่นจนมืดกลับมากินข้าวเย็นที่โรงแรม นอนพักเอาแรง ตอนเช้าเราจะปั่นจักรยานไปตลาดเช้าซึ่งอยู่ไกลจากที่พักสัก 3 กิโลได้ และพี่วัฒน์จะไปตามล่าหาสะพานไม้ไผ่ถ่ายรูปอีกด้วย ก่อนนอนไปจองรถกลับเวียงจันทร์กับที่พัก รถตู้แวนเหมือนเมื่อวานราคาคนละ 70,000 กีบ รถออกเก้าโมงครึ่ง ถึงเวียงจันทน์ประมาณบ่ายโมง ไปดูรายการที่สำนักงาน เดี๋ยวนี้สามารถจองตั๋วเดินทางได้ง่ายดายมาก คุณสามารถจองทุกอย่างที่วังเวียงได้ อยากนั่งรถตู้ไปเวียงจันทน์แล้วข้ามไปหนองคายต่อรถไฟไทยก็ได้ หรือไปเวียงจันทน์แล้วต่อเครื่องก็ได้ แม้กระทั่งนั่งจากวังเวียงไปโผล่ที่ข้าวสารเลยก็ได้ โอ้...



Morning call กันเอง ตอนหกโมง ตั้งหน้าตั้งตาปั่นจักรยานไปตลาด จากมืดจนฟ้าสาง มันไกลม๊ากกก.... แต่ไปถึงแล้วคุ้มค่า ตลาดวังเวียงเป็นตลาดที่สวยที่สุดที่หนึ่งในโลกก็ว่าได้ ว่าไปนั่น... ตัวตลาดก็เหมือนตลาดชนบททั่วไป แต่ฉากหลังภูเขาหินปูนสูงตะหง่านนั่นซิ พอพระอาทิตย์ส่องแสงทองๆมาแล้วยิ่งงามไปใหญ่ โฮ่..... เดินเล่นกันจนพอใจก็แยกย้ายกันไปตามใจชอบ เรา 2 คน ไปตามหาสะพานไม้ไผ่ถ่ายรูปกันต่อ เข้าไปย่านข้าวสารเมื่อคืน ตอนเช้าเงียบสงบดี ฝรั่งยังไม่ตื่น มีสะพานไม้ไผ่เพียบ เอาไว้ข้ามไปที่พัก หรือไปผับฝั่งตรงข้าม เดินถ่ายรูปเล่นจนพอใจ รีบปั่นกลับโรงแรมเตรียมตัวเก็บของขึ้นรถ เกือบไปแล้วอีสาวลาวเมื่อคืนดันไปลงบุ๊คว่าเรากลับบ่ายโมงเกือบตกเรือบินซะแล้ว ดีว่าไหวตัวทัน รีบคว้ากระเป๋าขึ้นจองที่ก่อนเลย รอดอย่างหวุดหวิด รถเข้าเวียงจันทน์แวะรับคนจนเต็มคันรถฝรั่งทั้งนั้น ทางกลับเวียงจันทน์นี่เด็กๆเลย หากเคยผ่านวังเวียง-โพนสะหวันมาแล้ว นั่งหลับๆตื่นๆมาพักใหญ่ ได้กลิ่นแปลกๆ บ๊ะ...สาวลาวข้างๆชีควักยาทาเล็บมาทาเล็บ!! ก่อนนั้นชีทาแป้ง เขียนคิ้วทาปากไปรอบนึ่งแล้ว กำลังจะอ้าปากด่า พอดีชีทาเล็บที่สิบเสร็จพอดีเลยรอดไป งัวเงียหันดูด้านนอก อ้อ...จะถึงเวียงจันทน์แล้วนี่เอง




รถจอดส่งฝรั่งที่หน้าทางเข้าสนามบินตอนบ่ายกว่าๆ พวกเรายังนั่งต่อไปจนถึงที่จอดรถแถวริมแม่น้ำ ตรงไหนก็ไม่รู้ แบกสัมภาระลงมากะเร้อกะรังเรียกสามล้อ ไปหาข้าวกิน อยากกินอาหารเวียตนามเจ้าดัง ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนรู้แต่ชื่อร้าน เวียงสะหวัน คนขับสามล้อดันรู้แน่ะ แต่ฮีเรียกคนละ 10,000 กีบ สี่คน 4 หมื่น ต่อไปต่อมาเหมาไป 25,000 ให้รอกินข้าวด้วยแล้วไปส่งสนามบิน ระหว่างต่อราคามีมาเฟียหน้าเหี้ยมเข้าส่งภาษากับคนขับ ฟังไม่ทัน พออกรถได้ถามพี่คนขับฮีบอกว่าแถวนี้ถิ่นพี่มาเฟียเขา แต่เราไปโบกรถอื่น พี่มาเฟียเลยไม่พอใจ เกือบโดนซะแล้ว อาจเป็นเพราะอย่างนี้มั๊งพี่สามล้อเลยรีบตกลงที่ 25,000 ฮ่าๆๆๆ

ร้านเวียงสะหวัน จริงๆก็ไม่ไกลจากจุดจอดรถเท่าไหร่นัก ไปถึงก็จำหน้าร้านได้แม่นเคยมากินเมื่อมาลาวคราวก่อน มาคราวนี้คนยังเยอะเหมือนเดิม ร้าน 2 คูหาใหญ่ แต่คนแน่นเอี้ยด หิวหน้ามืด ลงไปสั่งกันเต็มโต๊ะ ทั้งแหนมเนือง ปอเปี๊ยะทั้งสดทั้งทอด ขนมจีนเวียตนาม กินกันอิ่มแปล้ ทั้งเราทั้งรถต่างคนต่างชะโงกหน้าดูกันเป็นพักๆ ใช่ว่าพี่กลัวเราหนีฝ่ายเดียว เราก็กลัวพี่หนีเหมือนกันเพราะทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าไว้บนรถนั่นแหละ อิ่มหนำสำราญไปสนามบินมีเวลาเหลือเฟือ กว่าเครื่องจะออกก็สี่โมงเย็น ที่สนามบินสามารถใช้สัญญาน DTAC บ้านเราได้แล้ว เลยนั่งเล่นเน็ตรอไป กลับบ้านหมดแรงเลยเที่ยวนี้ เบื่อนั่งรถตู้ไปอีกนาน....




ที่พัก

โพนสะหวัน
- โรงแรมวันชนะ ทุ่งไหหิน (Vansana Plain of Jars Hotel): http://www.vansanahotel-group.com/
- โรงแรมอนุรักษ์แคนลาว (Anoulack Khen Lao Hotel): Tel. 061 213599, 061 213699
วังเวียง
โรงแรมทะวีสุขและรีสอร์ท (Thavisouk Hotel and Resort): http://www.thavisouk.com/


การเดินทาง

กรุงเทพฯ – เวียงจันทน์ / เวียงจันทน์ – เซียงขวาง : การบินลาว (Lao airlines): http://www.laoairlines.com/

กรุงเทพฯ – หนองคาย – เวียงจันทน์: รถทัวร์ไปถึงหนองคาย ต่อรถ international bus หรือรถตู้

เวียงจันทน์ – วังเวียง – เวียงจันทน์ : รถตู้หรือรถบขส. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง ราคา 60,000 – 70,000 กีบ มีรถออกทุกชั่วโมง

โพนสะหวัน – วังเวียง : รถตู้หรือรถบขส. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-6 ชั่วโมง ราคารถตู้ 70,000 – 80,000 กีบ รถออก 8:30

No comments:

Post a Comment