Sep 18, 2012

ทุบกระปุกบุกโคเรีย ภาคแรก

Trip Dec. 2009 : Korea


ครั้งนี้ขอเรียกว่าเป็นบันทึกท่องเที่ยวแล้วกัน เพราะอาจไม่มีข้อมูลให้ไปใช้ท่องเที่ยวตามเท่าไหร่ เพราะคราวนี้ให้เอเยนต์ท่องเที่ยวจัดให้ เราแค่จดรายการสถานที่ที่อยากไปให้เขา เขาก็จัดมาให้เลย เลยขาดข้อมูลการติดต่อและราคาไปเยอะ จึงกลายเป็นบันทึกท่องเที่ยวเกาหลี “ทุบกระปุกบุกโคเรียกับสาวๆ LYH”


Click for Korea in Winter 2009 Photo Gallery at pbase.com

จากการวนเวียนดูหนังเกาหลีมาก็หลายเรื่อง ในที่สุดก็ได้ไปเกาหลีจนได้ รวบรวมสมัครพรรคพวกได้ 9 ชีวิต จึงติดต่อทัวร์ให้จัดกันแบบส่วนตัวไปเลย เพราะเราเที่ยวไม่เหมือนคนปกติ เพราะ 9 คนเป็นสาวๆกันหมด สาวมากสาวน้อยคละๆกันไป แต่ละคนมีภาระกิจส่วนตัวในการตามล่าหาขวัญใจหนุ่มเกาหลีไปต่างๆกัน ไหนจะช๊อปปิ้งไม่เหมือนใครอีก ไปส่วนตัวแหละดีแล้ว ต้นเดือนธันวาคม 2552 ได้ฤกษ์เบิกชัย แต่การเดินทางที่คิดว่าจะสบายกลับเพี้ยนๆเพราะเจอเอเยนต์ไม่ได้ดั่งใจ ก่อนบินไม่กี่วันดันมาบอกว่าต้องบินไปลงปูซานแทนโซล แต่ขากลับกลับจากโซลได้ เออเว้ย.....จะกลับลำยังไงได้ล่ะ เลยถือซะว่าได้มีโอกาสไปเห็นเมืองปูซาน เมืองท่าสำคัญของเกาหลีใต้ก็แล้วกัน แถมเป็นบ้านเกิด กงยู ดาราเกาหลีขวัญใจพวกสาวๆ 9 ชีวิตด้วย

*** เหินฟ้าไปปูซานบ้านเกิดกงยู *** 



คิดในแง่ดีก็ต้องว่าโชคดีที่มีตั๋วไปเที่ยวได้ในช่วง long weekend อย่างนี้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เสียงคนไทยคึกคักกรี๊ดกร๊าดไปทั่ว ต่างคนสนองนโยบายไทยเที่ยวไทย โดยการบินไปเมืองนอกกันเพียบ (ออกแนวสำนึกรักบ้านเกิดขึ้นมาซะงั้น) เนื่องจากความผิดพลาดนิดหน่อยทำให้เราเดินทางกันดึกไปนิด Korean airline flight KE652 บินตรงกรุงเทพฯ – ปูซานในเวลาห้าชั่วโมงกว่าๆ ออกเดินทางก็หลังเที่ยงคืนไปแล้ว หลับๆตื่นๆกันไป ก็ถึงปูซานตอนเช้าๆแดดกำลังเริ่มส่องพอดี แรกเห็นเกาหลีใต้จากหน้าต่างเครื่องบินมันเป็นทะเลสีฟ้าสวย แม้อากาศจะขมุกขมัวนิดหน่อย แค่นี้ก็ตื่นเต้นแล้ว สนามบินปูซานใหญ่โตโอ่โถงดีทีเดียว 9 ชีวิตเดินตามกันมาแบบหวาดๆจากคำขู่ของใครหลายๆคนว่าตม.ผ่านยาก เคยมีคนไม่ได้เข้าด้วย เมืองไทยมาเกาหลีไม่ต้องขอวีซ่าแต่ดันมาพิจารณาเอาที่สนามบินนี่ สู้ให้ขอวีซ่ายังดีซะกว่า ไม่ให้เข้าจะได้ไม่ต้องเสียค่าตั๋ว นี่ให้มาเสี่ยงดวงเอา มันนโยบายอะไรกันก็ไม่รู้แฮะ

ในพวกเรา 9 ชีวิต เราเองดูจะปลอดภัยที่สุดเพราะเดินทางมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ตม.ไม่น่ามีปัญหา เจ๊หมูเป็นคนที่พวกเราห่วงเป็นที่สุดเพราะพาสปอร์ตเธอขาวโพลนเหมาะแก่การสงสัยว่าจะมาหาสามีเกาะกินอยู่ที่เกาหลี แต่ไปๆมาๆ เจ๊หมูก็ผ่านโลด แต่เราโดนเรียกเข้าห้อง!! โดยเหตุผลว่ากลับไม่พร้อมเพื่อน (ให้เอเยนต์ทำโปรแกรมทัวร์ไว้แค่ 5 วัน 6 คนกลับก่อน เรากับเพื่อนอีก 2 คนจะอยู่ตะลุยโซลต่อกันเองอีก 2 วัน) บ๊ะ...แต่เพื่อนที่กลับพร้อมเรากลับไม่โดนเรียก มาเรียกเราคนเดียว เป็นที่ฮือฮาไปทั่ว กลุ่มทัวร์ไทยอื่นๆก็ฮือฮาๆ พากันหวั่นไหวไปด้วย เมื่อเห็นเราโดนชี้เข้าห้อง แต่จริงๆแล้ว ตม.ผู้หญิงคนที่ตรวจเราเธอคงไม่เข้าใจภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆของเรา ที่บอกว่าจะอยู่ต่อ จะเที่ยวโซล เธอได้แต่ถามว่า ทำไมไม่กลับพร้อมเพื่อนๆๆ ถามอยู่นั่นแหละ พอเข้าในห้องอธิบายให้ตม.ผู้ชายฟัง พร้อมชี้ให้ดูสาวๆ 8 ชีวิต ที่ยืนรอชะเง้อชะแง้กันด้านนอก ตม.หนุ่มไม่เห็นสงสัยอะไร ทำหน้าเอือมๆแล้วประทับพาสปอร์ตให้ พร้อมโบกมือไล่ ไปๆๆๆ สรุปได้ว่า ไม่มีเหตุและผลใดๆทั้งสิ้น แล้วแต่อารมณ์ตม. และผู้หญิงเกาหลีพูดไม่รู้เรื่อง (มีเรื่องอื่นๆจากเจ้าหน้าที่ผู้หญิงอีกวันต่อมา)


เฮ้อ...ผ่านเข้ามาจนได้ รับกระเป๋าแล้วออกมาชะเง้อหาเจ้าหน้าที่ทัวร์ แรกเห็นแล้วโอ้ว...เธอสวยเซ็กซี่มากๆ พี่แนะนำตัวชื่อเก๋ไก๋ว่า ติ๊นา เธอแต่งงานกับคนเกาหลีอยู่เกาหลีมา 15 ปี โอ้ว....ฉันฝากชีวิตไว้ถูกคนแล้ว หลังจากออกมาครบ ภารกิจแรกที่ต้องทำคือเช่าโทรศัพท์ มีบางคนจำเป็นต้องมีโทรศัพท์ไว้ใช้ติดต่อ จึงมาเช่าเครื่องพร้อมซิมซึ่งเป็นวิธีที่นิยมกันมาก เพราะจะเสียค่าโทรถูกกว่าเปิดโรมมิ่งเบอร์ไทยมาใช้มากๆ ไปติดต่อที่เคาร์เตอร์เช่าด้านนอกแถบที่พักรอรับผู้โดยสารได้เลย มีทุกสนามบิน ราคาค่าเช่าแค่วันละไม่กี่สิบบาท ค่าโทรก็ถูกกว่ามาก เช่าที่ปูซาน เดี๋ยวไปคืนที่โซลได้ด้วย

ภาระกิจที่ 2 คือเราจะมีสาวสวย 4 นางขอแยกตัวเข้าโซลไปก่อนตอนนี้เลย อย่างที่บอกว่าตั๋วมาเปลี่ยนบินลงปูซานเอากระทันหัน 4 สาวแทบกรี๊ด เพราะต้องการไปอยู่โซลในเย็นวันนั้นเพื่อเข้าไปร่วมงานแจกลายเซนต์ของหนุ่มน้อย จางกึนซอก (JangKeunSuk) แต่ระยะทางไม่เป็นปัญหากับพวกเธอ เราจึงส่งเธอไปสถานีรถไฟเพื่อนั่งรถไฟด่วน Super High-speed KTX ยิงตรงไปโซลทันทีด้วยเวลาแค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ กับระยะทางประมาณ 450 กม. ราคา 47300 วอน ก็ราวๆ พันห้าร้อยบาท ระบบขนส่งมวลชนของเกาหลีดีและพัฒนามากๆ เมืองไทยน่าดูเป็นเยี่ยงอย่างนะ

ส่ง 4 สาวเสร็จ พวกเราที่เหลือ 5 คนก็นั่งรถขนาด 15 ที่นั่งกำลังเหมาะ มีที่วางกระเป๋าสบายๆ ออกเดินทางเพื่อไปซอรัคซาน อากาศวันนี้ที่ปูซานประมาณ 6°C ซึ่งพี่ไกด์บอกว่าอุ่นกว่าทางตอนเหนือที่พวกเรากำลังจะไป แต่แค่นี้ก็หนาวจะแย่ปรับตัวไม่ทัน การเดินทางอันแสนยาวนานบนรถเริ่มต้นขึ้น พี่ติ๊นาบอกว่าเป็นโปรแกรมที่แปล๊กแปลกค่ะ เพราะซอรัคซานอยู่เหมือนเชียงใหม่ ปูซานอยู่เหมือนหาดใหญ่ ใครหนอจัดโปรแกรมอย่างนี้ ยิ่งทำให้พวกเราสวดชยันโตเอเยนต์ในใจกันไปตลอดทาง แต่ด้วยว่าเป็นวันแรกในเกาหลี พวกเราจึงตื่นตาตื่นใจไปกับสองข้างทางพอควร แถมข้างทางยังมีหิมะปกคลุมประปราย หลับบ้างตื่นบ้างชมวิวบ้าง ระหว่างทางแวะทานอาหารกลางวันตรงที่พักกลางทาง เดินลงจากรถ หิมะโปรยปรายลงมา....ดีใจกันมาก หิมะแรกในเกาหลีที่โปรยลงมาให้เราได้เจอ พวกเราดีใจเริ่งร่ายืนรับหิมะกันเหมือนกระเหรี่ยงเข้ากรุง ในขณะที่คนเกาหลีพึมพัมๆ วิ่งหนีเข้าในตึก จากนั้นก็มีหิมะตกไปตลอดทาง รถยิ่งวิ่งช้าไปอีก

ผ่านไป 8 ชั่วโมงบนรถ เย็นย่ำฟ้าเริ่มมืดเราก็มาถึงเมือง ซกโช (Sokcho) ที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (Seoraksan) จนได้ โปรแกรมวันแรกของเราจึงต้องยกยอดไปพรุ่งนี้ จะโทษใครได้ นอกจากเอเย่นต์ทัวร์ (ที่ไทย) มั่วโปรแกรมสุดๆ!!! พวกเราตรงดิ่งเข้าไปหลบหนาวในร้านอาหาร อาหารเย็นวันนี้เป็นชาบูชาบูทะเล กินกับข้าวสวยและเครื่องเคียงเต็มโต๊ะ พร้อมแกงกิมจิที่พี่ไกด์แบ่งมาให้ชิม หน้าตารดชาติคล้ายแกงส้มแต่ไม่เปรี้ยว สรุปว่าแกงกิมจิไม่อร่อย

 *** โต้สายลมรักที่ซอรัคซาน ***  



ที่พัก DAEMYUNG SORAK เป็นลักษณะคล้ายเซอร์วิสอพาตเมนต์ ใหญ่โตโอ่โถง ห้องพักก็กว้างนอนได้เป็นสิบคนเลย ที่นอนเป็นฟูกปูนอนบนพื้น ทำความร้อนที่พื้นแบบสไตล์เกาหลีแท้ มีเครื่องครัวให้ทำอาหารกินได้ เห็นชาวเกาหลีนิยมมากันเป็นครอบครัว มาพักผ่อนเล่นกิจกรรมต่างๆเช่น ตีกอล์ฟ ว่ายน้ำ (สระน้ำอุ่น) เทรคกิ้งๆ แล้วก็พักผ่อนทำอาหารกินกัน พวกเรานักท่องเที่ยวกินข้าวตามร้านเข้ามานอนแล้วกลับ เสียดายจังน่ามาอยู่สัก 2 คืน

เช้าวันใหม่ตื่นมาอากาศหนาวมาก เช็คอุณหภูมิตอนเช้าติดลบ ลมแรงด้วย แต่วิวเขาซอรัคสวยจริงๆ ยิ่งตอนที่แสงทองๆส่องมายิ่งสวยใหญ่ โปรแกรมวันนี้เริ่มต้นที่ไปจุดชมวิวที่อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน โดยการนั่งรถกระเช้าขึ้นไป ถ้ามีเวลาสามารถเทรคกิ้งต่อไปอีกเพื่อไปจุดชมวิวสูงขึ้นไปอีกก็ได้ แต่เราไม่มีเวลา และมันหนาวมาก ลมแรงจนหมวกแทบปลิว ได้แต่ชมวิวที่ระเบียง มองไปไกลๆเห็นชายทะเล และวิวเขาซอรัครอบด้าน งามจริงๆ มีโอกาสจะมาเทรคกิ้งในช่วงอากาศดีๆอีกสักครั้ง

ลงจากจุดชมวิวมาด้านล่าง มาไหว้พระใหญ่ที่วัดชินฮันซา (Sinheungsa) มีพระพุทธรูปองค์โตให้สักการะ หากมีเวลาก็เดินเลยจากวัดเข้าไปเที่ยวในเขตอุทยานได้อีก พวกเราก็ไม่มีเวลาอีกแหละ อยู่ชมบรรยากาศได้ไม่นานก็นั่งรถออกจากอุทยาน เพื่อไปวัดนักซานซา (Naksansa) ไปนมัสการเจ้าแม่กวนอิม วัดนี้อยู่ติดทะเล วิวสวยมาก วัดมีอาณาเขตค่อนข้างกว้าง พี่ไกด์คนงามเลยแนะนำว่าไปไหว้พระที่ศาลเจ้าริมทะเลดีกว่า ไม่ต้องไปเจ้าแม่กวนอิมเพราะต้องเดินไปอีกพอควร เวลาเราค่อนข้างจำกัด และต้องไปนัดเจอกับสี่สาวที่จะนั่งรถบัสมาพบกับเราที่เมืองยงอิน (xxx) ด้วย กลัวว่าเวลาจะไม่พอดีกัน เลยอดไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม

นั่งชมวิวข้างทางจากเมืองซกโชไปเรื่อยๆ หิมะตกประปรายไปตามเมืองต่างๆ จนเกือบบ่ายพวกเราก็มาถึงเมืองยงอิน โอปป้าคนขับรถเดินไปมองหาป้ายรถบัสที่สี่สาวจะลงด้วยความเป็นห่วง เพราะช่วงเช้าสาวๆโทรหาพี่ไกด์หลายครั้ง ด้วยว่าสี่สาวหลงทาง!! หาที่ขึ้นรถมายังไม่ถูกเลย พี่ไกด์ต้องช่วยส่งภาษาเกาหลีกับคนแถวโน้นให้ช่วยพาสาวทั้งสี่ไปขึ้นรถหน่อย นั่งรอกันสักพัก กะเหรี่ยงสาวทั้งสี่ก็ลากกระเป๋าพะรุงพะรังโผล่มาจนได้ พร้อมเสียงกรี๊ดกร๊าดของพวกเราต้อนรับการกลับมาอย่างอบอุ่น จากนั้นนกกระจอกก็แตกรังบนรถไปจนถึงร้านอาหารกลางวัน วันนี้อาหารหน้าตาเหมือนชาบูชาบูเมื่อคืนเลย แต่เป็นหมู ทานกับข้าว เครื่องเคียง กิมจิ เหมือนเดิม อาหารมาจึงเงียบเสียงกันได้

หลังอาหารพวกเราไปเช็คอินเข้าที่พัก ยางจีไพน์ สกีรีสอร์ทกัน (Yangji pine ski resort) ที่พักมีลานสกีให้เล่น อยากเล่นมาก แต่คงต้องเรียนก่อน อย่างน้อยคอร์สสั้นๆเริ่มต้นก็น่าจะสัก 3 ชั่วโมง เวลาเราไม่พอเช่นเคย เลยได้แต่ไปเดินเล่นลุยหิมะ นั่งดูคนเล่นสกี เล่นสโนว์บอร์ด อยากเล่นมากๆเลย พวกเรากลัวรองเท้าจะเปียกเลยเช่ารองเท้าของที่รีสอร์ท มันใส่ยากมาก หนักต่างหาก ต้องทำความเคยชินกันพักหนึ่งกว่าจะเดินคล่อง แต่ใส่แล้วลุยหิมะได้เต็มที่ รองเท้านี่เอาไว้ล็อคกับสกีหรือสโนว์บอร์ดเล่นได้เลย แต่เราไม่เช่าสกีเพราะเล่นไม่เป็น ก็ใส่ไปเดินลุยเอามันส์ ลานสกีที่นี่จะไม่ใช่แบบสถานที่ท่องเที่ยวมากนัก จะเป็นที่คนอยากเล่นสกีจริงๆมาเล่นกัน slope ไม่มากนัก (เราคิดเองนะจากที่มองดู) ที่นี่ไม่ไกลจากโซลมากนัก ยังมีสกีรีสอร์ทดังๆอีกหลายที่อยู่ใกล้ซอรัคซานมากกว่าแต่ก็ไกลจากโซล อ่านข้อมูลดูว่าใหญ่และมีวิวสวยมากว่า เช่น ยงเพียง สกีรีสอร์ท (Yongpyong) หรือ วิวัลดี สกีรีสอร์ท (Vivaldi) แต่เราว่าที่นี่ก็ใช้ได้นะ และเราจะได้กลับเข้าโซลเร็วด้วย

เล่นหิมะกันพักใหญ่ก็ฝากรองเท้าในล็อคเกอร์ ยังไม่คืนนะ เราออกไปกินข้าวกันก่อน อาหารเย็นวันนี้หน้าตาคล้ายเดิมตอนกลางวันแฮะ แต่ก็ซัดกันหมดเพราะหิวด้วย กลับมากลางคืนสวมรองเท้าไปลุยหิมะกันต่อ ตอนกลางคืนจะมีวัยรุ่นมาเล่นกันเยอะมาก แต่งตัวกันฮิปฮอปๆ ดูสวยดี ไม่พันไม่โพกหนาเตอะเหมือนพวกเรา ยังไปขอถ่ายรูปกับพวกวัยรุ่นเล่นด้วย เดินเล่นกันจนหนาวสะใจก็กลับห้องนอน ที่พักคล้ายๆเมื่อคืน ปูพื้นนอนสบายดี

*** กิมจิแลนด์ แอนด์ เอเวอร์แลนด์ *** 



วันนี้จะได้ไปเที่ยวเอเวอร์แลนด์แล้ว เตรียมพร้อมมากๆ แต่ตอนเช้าจะไปเก็บ”สตอเบอเร่อ”ก่อน พี่ติ๊นาบอกว่ามันใหญ่กว่าสตอเบอร์รี่ ต้องเรียก สตอเบ้อเร่อ ฮ่าๆๆๆ ไปถึงไร่ ฮามาก ลุงเจ้าของไร่ถือสตอเบอรี่มาหลายกล่องพร้อมทำหน้าเศร้าๆบอกว่าเพราะอากาศมันหนาวผิดปกติ ปีนี้สตอเบอรี่เลยเก็บไปหมดแล้ว เหลือแต่ต้นเขียวๆเรี่ยดิน แกเลยเอาสตอร์เบ้อเร่อที่ใส่กล่องไว้ขายมาให้แทน โฮ่...ลูกมันใหญ่จริงๆนะ หวานกรอบด้วย

ได้สตอเบอรี่กันทั่วแล้วก็พอใจกลับขึ้นรถกันต่อ แล้วไปแวะกิมจิแลนด์ลองทำกิมจิกัน จริงๆก็แค่เอาส่วนผสมที่เขาทำไว้แล้วมาทาหัวผักกาดเองแหละ แต่ว่าการทามันก็ต้องมีเทคนิคนะ ต้องเปิดกลีบผักกาดทาส่วนผสมเข้าไปตรงโคนหัวให้หมด ของเราอาจารย์ชมว่าเยี่ยมด้วย ภูมิใจมากๆ เพราะเขาบอกสาวเกาหลีใครทำกิมจิไม่ได้ดี จะไม่ได้แต่งงาน.... ในบริเวณกิมจิแลนด์มีห้องให้เราเข้าไปเลือกใส่ชุดฮันบก ชุดประจำชาติเกาหลี เลือกใส่กันตามสะดวก มีให้เลือกเยอะแยะใส่แล้วก็ถ่ายรูปเล่นกันเป็นที่สนุกสนาน จากชุดผู้หญิงเราก็มาลองใส่ชุดผู้ชายบ้าง สุดท้ายเลยต้องกลายเป็นชิลลาของสาวๆทั้ง 8 ไปเลย (ชิลลา = เจ้าบ่าว)

ก่อนไปเอเวอร์แลนด์ก็ต้องไปเพิ่มกำลังกับอาหารเที่ยงก่อน วันนี้ได้ลิ้มชิมรสคาลบี้ หมูย่างเกาหลี แบบไม่ใช่ 69 บาทบ้านเรานะ อันนี้หมูเขาชิ้นโตๆย่างแล้วห่อผักกาด คีบกิมจิแกล้ม อร่อยเหาะไป พี่ไกด์เตือนว่าอย่ากินให้อิ่มมากนะหากใครจะไปนั่งรถไฟเหาะตีลังกา เดี๋ยวหมูจะกลับออกมาแบบไม่ทันย่อย แหะๆ ช้าไปแล้ว ซัดกันไปพุงกาง จากร้านนั่งรถย่อยอาหารไปสักพักก็มาถึงเอเวอร์แลนด์แดนมหาสนุก อากาศวันนี้ค่อนข้างเย็นแต่มีแดดสดใส เยี่ยมไปเลย

ลงมาซื้อบัตรเข้าแบบเล่นได้ทุกอย่าง ต่อแถวตรวจบัตร ได้ยินแต่เสียงคนไทยเจี๊ยวจ๊าวไปทั่ว ทัวร์ไทยเยอะจริงๆแฮะ เอเวอร์แลนด์เป็นสวนสนุกแบบเปิดที่ค่อนข้างกว้าง แต่มีเครื่องเล่นไม่มากเท่าไหร่ มีส่วนสวนสัตว์ที่เป็นไฮไลต์ด้วย ใครๆก็ต้องไปเยี่ยมเจ้า ไลเกอร์ ส่วนผสมของ ไลอ้อนกับไทเกอร์ สิงโต+เสือ ไม่รู้ภาษาไทยจะเรียกว่าอะไรนะ การเข้าไปดูต้องนั่งรถเข้าไปแบบสวนสัตว์เปิดมีเสือสิงโตหมียีราฟให้ได้เห็นพอกรี๊ดกร๊าด จากนั้นก็มาเล่นเครื่องเล่นต่างๆเท่าที่เวลาพอ มีแค่ 6 สาวและพี่ติ๊นาที่พากันไปต่อคิวรถไฟเหาะ เราขอรอข้างล่างล่ะ เคยเล่นที่อื่นมาแล้ว ลงมาเสียศูนย์อยู่นานเข็ดเลย

เวลาเหลือให้เดินเล่นช๊อปปิ้งกันอีกพักใหญ่ ดูแล้วเครื่องเล่นอื่นไม่น่าสนใจเท่าไหร่ เลยเดินเล่นถ่ายรูปกันเป็นส่วนใหญ่ ถึงเวลากลับ เห็นเจ้าหน้าที่เอเวอร์แลนด์เพิ่งนำอุปกรณ์ต่างๆมาเพื่อเตรียมขบวนพาเหรด เสียดายไม่ได้อยู่ดู ถ้ามีเวลาให้รอดูพาเหรดตอนหัวค่ำ น่าจะสวยดีใช้ได้ เข้าโซลกันซะทีคราวนี้ ระยะทางน่ะไม่ไกลหรอก แต่รถติดใช้ได้ เหมือนเมืองใหญ่ๆทั่วโลก เช้าเย็นรถติดเป็นตังเม กว่าจะแหวกทางเข้ามากลางเมืองก็นานอยู่ วันนี้ใช้พลังไปเยอะพี่ติ๊นาเลยพาไปเพิ่มกำลังด้วย ซัมเกทัง ไก๋ตุ๋นโสม เป็นไก่ตุ๋นทั้งตัวข้างในยัดด้วยข้าวเหนียวมาในหม้อหินร้อนจัดๆ (ซึ่งมันไม่อร่อยเลย จืดมาก แต่มันร้อนๆดี ใส่พริกไทยเยอะก็พอไหว)

อิ่มท้องแล้วก็พากันไปเดิน เมียงดง (Myeongdong) ย่านช็อปปิ้งฮ็อตฮิต แลดูคล้ายๆสยามสแควร์บ้านเรา ค่ำมืดขนาดนี้ผู้คนยังเดินกันคึกคัก โดยเฉพาะคนไทย พบได้ตามร้านเครื่องสำอาง Etude house เอย Skin food เอย Rojukiss shop เอย คนไทยทั้งนั้น กวาดเครื่องสำอางลงตะกร้าเหมือนมันแจกฟรี น่ากลัวมากๆ ไอ้เราเองก็กวาดมาไม่ใช่น้อย คนฝากซื้อเยอะมาก เพราะถูกกว่าซื้อเมืองไทย 2-3 เท่าตัว เดินช็อปไปเรื่อยเปื่อย เสื้อผ้ารองเท้าก็ดูน่าสนใจเยอะแยะ เดินกันจนหมดแรงกลับโรงแรมที่พักซึ่งอยู่ใกล้ๆ ทำเลดีมากโรงแรมนี้ ออกมาเดินเมียงดงได้ทุกคืนถ้าเงินยังเหลือ!!!

*** mission (im) possible day***



วันนี้ถือว่าเป็นวันฟรีเดย์ของทุกคน วันนี้เราไม่เจอพี่ติ๊นา แต่พี่ติ๊นาช่วยเราหาข้อมูลอะไรหลายๆอย่างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แถมยังเขียนชื่อสถานที่เพื่อให้เรายื่นให้แท็กซี่ไว้ด้วย ภาระกิจแรกของสาวๆวันนี้คือแหกตาตื่นกันตั้งแต่ตีห้า เราโดนเขี่ยจากเตียงทั้งยังงงๆง่วงๆมึนๆ แปรงฟันเสร็จพอกอุปกรณ์กันหนาวเสร็จ ก็ออกมายืนรับลมหนาวยะเยือกหน้าโรงแรม เรียกแท็กซี่ออกเดินทาง จริงๆก็ห่างแค่ 10 นาทีเอง จุดหมายคือที่ไหนยังไม่รู้จักชื่อสถานที่เลยจนวันนี้ แต่พวกเราไปที่หน้ากองพันทหารอะไรสักอย่าง เพราะวันนี้เป็นวันกำหนดออกจากรมของ กงยู ของสาวๆ ที่ต้องมากันแต่มืด เพราะแฟนคลับเยอะ มาก่อนได้อยู่หน้า มาหลังไปอยู่หางแถวโน่น

สรุปภาระกิจว่า ได้พบ ได้เจอ ได้ถ่ายรูปกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะเราได้ไปร่วมกลุ่มกับพวกนักข่าวโน่นเลย ได้ถ่ายรูปฟังสัมภาษณ์ใกล้มาก ไม่น่าเชื่อจริงๆ เสร็จภาระกิจกันก็สายโด่่งไปแล้ว กลับโรงแรมไปพักผ่อนกันซะหน่อย ต่างนั่งเมาท์เอารูปมาอวดกัน อยู่ดีๆก็หิมะตก!!! หิมะตกที่โซล....555 วันนี้วันดีจริงๆ ว่าแล้วจัดแจงแต่งกาย พันอุปกรณ์กันหนาวกันใหญ่เตรียมออกไปเริ่งร่าถ่ายรูปกับหิมะ ( 4 สาวที่วันแรกแยกไปยังไม่เจอหิมะตกเลย) กว่าจะแต่งตัวเสร็จ หิมะหยุดตกอ่ะ!!! ขำมาก แต่แต่งตัวแล้วก็ออกไปหาข้าวเที่ยงกินดีกว่า วันนี้เลยไปกิน food court ชั้นใต้ดิน Lotte Department store ใกล้ที่พักนิดเดียว ไปยืนทำความเข้าใจการสั่งอาหารกันพักใหญ่ ไฮเทคมาก คือเราก็เดินดูตามบู๊ทอาหารสนใจเมนูไหนก็จำเบอร์มา แล้วมาที่แคชเชียร์บอกเบอร์เค้าจ่ายเงิน เค้าจะให้สลิปมา 1 ใบ มีเบอร์ลำดับ คุณก็ไปนั่งรอที่โต๊ะ มองดูจอ LCD ไปเรื่อยๆ อาหารเราเสร็จเบอร์มันก็จะโชว์ขึ้นมาเหมือนรอคิวธนาคารบ้านเราน่ะ แล้วก็เดินไปรับอาหารที่ร้านนั้นๆ อืมมมม...ไฮเทคโคตรๆ ราคาอาหารก็ไม่ถูกเลย ชามละร้อยกว่าบาททั้งนั้น แต่มีเครื่องเคียงให้เป็นชุดด้วย

อิ่มหมีพีมัน คราวนี้ก็ต่างคนต่างอยากไปโน่นไปนี่ เลยแยกเป็น 3 กลุ่ม คือคุณกี้สาวสวยจากเชียงใหม่ต้องกลับเชียงใหม่เลย เพราะภาระกิจด่วนเลื่อนไม่ได้ กลุ่มนึงไปช็อปเครื่องสำอางค์ต่อ อีกกลุ่มไปทำตามหัวใจ (อ้วก...) เราไม่ชอบช็อป เลยตามกลุ่ม 2 ไป งานแรกคือนั่งรถไฟใต้ดินไป แถบอัพกูจอง (Apgujeong) ย่านนี้เป็นย่านไฮโซโดยแท้ มีแต่ห้างหรู และร้านแบรนด์เนมดังๆ ถ้าไม่มาตามโพยวันนี้ คงไม่ได้มีโอกาสมาเดินแน่แท้ งานแรกคือไปกินไอติมร้าน Time out เป็นร้านของ มิคกี้ (Micky Yoo Chun) นักร้องวงดงบังชินกิ หนาวๆอย่างนี้ไปกินไอติมกันทำไม ก็มาถึงเกาหลีแล้วก็ขอไปอินเทรนด์หน่อย ร้านน่ารักดี ไอติมใช้ได้ กินแล้วก็ถ่ายรูปเล่นที่ร้านกัน ใครๆก็ทำ เหมือนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว

เสร็จจากไอติม ก็ว่าจะไปดูตึกของ SM tower ซะหน่อย SM tower นี่เป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีต้นสังกัดวงดังๆเช่น ดงบังชินกิ ซุปเปอร์จูเนียร์ เป็นต้น ก็ไปดูกัน โดยนั่งรถเมล์ต่อไปไม่กี่ป้าย (อันนี้คุณโชสาวสวยเธอมีโพยแผนที่มาค่ะ) ลงรถเดินไปอีกหน่อยก็เห็นตึก โอ้ว...โคตรโทรมเลย ไม่มีป้ายชื่ออะไรด้วย ถ้าไม่เคยเห็นรูปตามเน็ตมาก่อน ใครจะไปรู้ ตึกขาวๆโทรม ตามผนังมีคนมาขีดเขียนอะไรต่ออะไรถึงศิลปินไว้เต็มไปหมด หน้าตึกมีเด็กสาวๆมายืนเกร่ๆกัน 2-3 คน คงมารอดักพบศิลปิน พวกเราก็เดินวนๆดูผนังตึก ถ่ายรูปกันพอขำๆ แล้วก็ลากลับ คิวต่อไป เจ๊หมูแกอยากไปเยี่ยมชมตึก JYP entertainment บ้าง JYP นี่เป็นต้นสังกัดวงดัง 2PM ที่มีนิชคุณอยู่ แต่เจ๊ไม่เอาโพยมา เลยต้องใช้วิธีถามๆๆๆ เราก็หลงๆๆ จากที่รู้กันว่ามันไม่ห่างจาก SM เท่าไหร่ก็กลายเป็นเดินวนกันไปครึ่งค่อนชั่วโมง มืดก็มืด หนาวก็หนาว หิวก็หิว สุดท้ายต้องแวะซัดไก่ KFC ประทังชีวิต และแล้วก็เจอเด็กวัยรุ่นที่พอรู้เรื่องชี้ทางสว่างให้ไปจนเจอ ตึก JYP สวยงามกว่า SM เยอะเลยมีป้ายโฆษณาวงดังๆอยู่ด้านหน้าด้วย และก็มีเด็กสาวๆมาออกันอยู่หน้าตึกเหมือนเดิม ตามผนังตึกก็มีเขียนอะไรเลอะเทอะเต็มเหมือนเดิม พวกเราก็ไปเดินอ่านเหมือนเดิม สาแก่ใจก็ลากลับจริงๆซะที เสียดายเราน่าจะหาโพยไปชมตึก DSP entertainment ต้นสังกัด SS501 วงโปรดบ้าง กลับมาถึงรู้ว่ามันก็อยู่แถวๆนั้นแหละ

ต่อภาค 2
  
 



2 comments:

  1. ทริปรวมเซเลปชื่อดัง เดินทางพร้อมตากล้อง คสคส เสียดายที่ไม่ได้ไปด้วย จัดทริปอีกนะคะ เค้าจะขอไปด้วยคน ^_^

    ReplyDelete
    Replies
    1. จัดอีกแน่นอนค่า ^^

      Delete