Jan 2, 2013

Korea Chic & Chill

TRIP NOV.2012 : SEOUL, KOREA


ไปเกาหลีตามสัญญาที่ให้ไว้กับน้องๆ LYH เมื่อ 3 ปีก่อนว่าจะรวมตัวกันไปเกาหลีอีกรอบ ผลัดมาเรื่อยๆจนปีนี้ลงตัวแต่ก็รวมกันได้ไม่ถึงครึ่งทีมของปี 09 T__T เสียดายแต่ไม่เสียใจ แค่ 4 คน ยังไงก็ไปรำลึกความหลังกัน แถมเพิ่มน้องใหม่ที่ไม่เคยไปเกาหลีไปอีกคนรวมเป็น 5 คนก็กำลังเหมาะ

ปีนี้ไปเดือนพฤศจิกายน ก็หนาวอยู่ แต่ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองสวยงามไปหลายถนน บางวันก็หนาวกำลังดี แต่บางวันฝนตกแฮะ!! จริงๆไม่ใช่ฝนนะมันเป็นน้ำแข็งแบบลูกเห็บเลยเหอะ แต่ส่วนมากแค่หนาวลมแรงๆ คราวนี้พัก hongdae guesthouse สุดแสนสบายอยู่ติดสถานี Hongik เลย ชนิดว่าโผล่ขึ้นจาก Exit 1 ก็ถึงเลย ห้องใหญ่โตพักได้เป็นสิบเถอะ แต่เค้าให้พักมากสุด 6 คน พร้อมครัวเล็กๆในห้องด้วย

ถนนที่แนะนำให้ไปเดินดูใบไม่เปลี่ยนสีตามสไตล์ชิคแอนด์ชิลมีหลายเส้น เช่น คาโรซุกิล เดินไปเรื่อยๆ โผล่ไปย่านอัพกูจองได้เลย มีของให้เดินช็อปได้เยอะแยะน่ารักทั้งนั้น

คาโรซุกิล (Garosu-gil)

แถบคังนัมก็สวยใช่เล่น ถนนกว้างๆคนเดินกันขวักไขว่ ดูแล้วคึกคักดี ใบไม้สีเหลืองตลอดถนนรวมกับตึกสวยๆ เป็นวิวถ่ายรูปได้ดีเลย ไปเดินเต้นกังนัมสไตล์สักหน่อยก็น่าจะดี

แถบอัพกูจองก็สวยดี ถนนกว้าง ตึกสูงๆ ย่านไฮโซมีแต่ร้านแบรนด์ดัง แต่เราไปเดินเล่นเอาบรรยากาศได้ เราไปเดินเล่นวันไปร้านกาแฟแจจุง เดินชิคแอนด์ชิลไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปกับใบไม้เปลี่ยนสีตามรายทาง

อีกที่ที่เราไปคือสถานีวิทยุโทรทัศน์ KBS เพราะน้องเจนอยากไปเยี่ยมร้านกาแฟ Handel and Gretel ของเยซอง ซูปเปอร์จูเนียร์ ที่อยู่ถนนด้านหน้าของตึก ปรากฏว่าพอนั่งรถไฟไปลงสถานี National Assembly เดินออกทางออก 4 โผล่ขึ้นไปบนถนน โอ้ว....ถนนนี้มันสวยมากเลยนะ

KBS radio and television network

Jan 1, 2013

ย่ำต๊อก..โตเกียว

TRIP OCT.2012 : TOKYO, JAPAN

Tokyo trip photo galley at pbase.com


ย่ำต๊อก..โตเกียว

กลับจากออสเตรเลียได้แค่ 2 อาทิตย์ก็บินไปโตเกียว! ตัดสินใจฉับพลันบินตามน้องอีกคนที่ไปก่อน ได้วีซ่าก่อนไปแค่ 2 วันเหอะ ถ้าไม่ผ่านล่ะซวย! คราวนี้เลือก China Eastern Airline ไป transit ที่เซี่ยงไฮ้ บินรวมๆประมาณ 10 ชม.จากที่บิน Direct flight แค่ 6 ชม. แต่ประหยัดได้หมื่นนึงก็เอาวะ แต่ค้นพบว่ามันไม่ดีเอาซะเลย ที่นั่งค่อนข้างแคบ อาหารก็ไม่ค่อยดี และการไป transit ที่จีนมันเสียเวลาตรงที่ต้องไปต่อแถวเข้าตรวจ passport และเข้า security scan อีกด้วยแม้คุณจะแค่ต่อเครื่อง (แต่แยกเคาเตอร์ต่างหาก จากคนที่จะผ่านเข้าเมือง) ถ้าคนเยอะๆก็รอกันนานหน่อยเพราะจนท.มีแค่ 2-3 คน และ เกทก็ไกลทุกที่ แถมสนามบินจีนก็เปลี่ยนเกทมั่วไปมา ต้องคอยดูดีๆ แถมขากลับดันเอาไปนั่ง Shanghai air ต่างหากซึ่งดูเครื่องไร้คุณภาพ หูฟัง ไฟอ่านหนังสือ ปุ่มอะไรๆก็ใช้ไม่ได้ ไฟรัดเข็มขัดก็ติดบ้างไม่ติดบ้างในแต่ละที่ แอร์-สจ๊วต เอาแต่มานั่งหลับไม่เก็บถาดอาหาร บลาๆๆๆ ดีใจที่รอดมาได้ เฮ้อ...คุ้มมั๊ย

ในที่สุดก็มาถึง Narita International Airport ได้ตามเวลา แรกเริ่มว่าจะนั่งรถไฟออกไปเที่ยวเมืองนาริตะฆ่าเวลา เพราะน้องอีกคนจะมา TG ถึงหลังเราสัก 3 ชม.กว่า ปรากฏว่าดูเวลาผิด มันแค่ 2 ชม.เศษๆ เลยคิดว่าไม่ไปล่ะ เพราะกว่าจะไปงมหาตั๋วหาสายรถไฟ (ก็เพิ่งลงเครื่องเพิ่งเคยมาโตเกียวนะ) กว่าจะนั่งรถไฟไปแม้จะแค่สถานีเดียวก็ตีซะว่า 20-30 นาที กว่าจะไปเดินเที่ยว เดินหาวัด กว่าจะกลับมาขึ้นรถไฟเข้าสนามบินอีก คงสูสีๆ ถ้าไม่หลง! เลยตัดใจไม่ไป นั่ง shuttle bus free จาก Terminal 2 ที่เครื่องเราลงไป Terminal 1 เลย ไปเดินช็อปปิ้งดูอะไรเล่นในนั้นพร้อมหาอาหารเที่ยงทาน มันมี Airport mall ให้เดินเล่นได้ แต่เรายังไม่ซื้ออะไรหรอก ดูราคาไว้ก่อน แล้วก็นั่งเล่น Free wifi ไปอีกสักพัก (Free wifi ที่นี่จะมีบางตำแหน่ง และคุณต้องกด accept agreement ก่อน มันมีให้เลือกภาษาอังกฤษนะ ลงทะเบียน email address ด้วย แค่นั้นแหละ)

เมื่อเจอกับน้องแล้วก็เลือกนั่งรถไฟ express เข้าเมือง คือต้องบอกว่า รถไฟของญี่ปุ่นมีหลายประเภทมาก ถ้าเอาประหยัดก็เลือกรถธรรมดา (เลือกได้ว่าเอาของบริษัทอะไร หลักๆคือ JR และ Keise) ซึ่งมันก็มีเส้นทางของมันต้องศึกษาดูว่าเราจะไปตรงไหน นั่งของใครไม่อ้อม และรถเที่ยวกี่โมงจอดป้ายไหนบ้าง ป้ายที่เราจะลงจอดมั๊ยหรือไม่จอดก็ต้องวางแผนว่าลงที่ไหนไปต่อสายอะไร บลาๆๆๆ และทั้ง 2 เจ้านี้ก็มีรถด่วนด้วย JR ก็เป็น Narita Express ส่วน Keise ก็เป็น Sky liner อันนี้อารมณ์เป็น Airport Express บ้านเราซื้อตั๋วที่เคาเตอร์มีเลขที่นั่ง มีที่วางกระเป๋า และจอดแค่ไม่กี่ป้ายจนถึงกลางเมือง น้องเค้าเลือก Sky liner ราคา 2,400¥ แพงใช่ย่อย เราพักแถบ Ikebukuro รถด่วนไม่จอดเลยต้องลงที่ Ueno station แล้วต่อรถไฟอีกสายไปลง Ikebukuro station ลากกระเป๋าเดินไปที่พัก ถึงที่พักเย็นพอดี!

การเดินทางในญี่ปุ่นหลักๆคือรถไฟ อย่างที่บอกว่ามีสายหลัก 2 เจ้าคือ JR และ Keise มันเชื่อมถึงกันได้หมด โยงใยยิ่งกว่าใยแมงมุม แถมยังรถไฟใต้ดิน Metro อีกสาย และรู้สึกว่ายังมีอีก การเดินทางอย่างประหยัดจึงควรวางแผนการท่องเที่ยวในแต่ละวันว่าจะไปที่ไหน route ไหน หากซื้อเป็นตั๋ว 1 Day pass ได้ก็จะประหยัดเพราะมันขึ้นลงกี่เที่ยวก็ได้ใน 1 วัน แต่มันใช้มั่วไม่ได้นะ (ยังศึกษาไม่ละเอียดพอ และเราซื้อไปวันเดียวที่ไป Disney Land เพราะ ไปไกล ไป-กลับราว 800¥ แต่ 1Day pass มันแค่ 710¥ เป็นต้น วิธีสะดวกอีกแบบคือซื้อบัตร Pasmo card หรือ Suika card ซี่งเป็นบัตรเติมเงิน ค่ามัดจำบัตร 500¥ หาซื้อตามตู้อัตโนมัติหรือซื้อที่เคาเตอร์ ไม่ต้องห่วง ตู้มันง่ายกว่าที่คิดจิ้มเลือกภาษาอังกฤษก็ซื้อได้ ถ้าคุณไปเมืองนอกได้ก็ไม่ยากหรอกน่า ลองดู วิธีนี้เข้าออกรถไฟเส้นไหนก็ไม่ต้องคิดแปะมันอย่างเดียว สะดวกดี แต่ไม่ประหยัด ถ้าอยู่ไม่กี่วันก็อย่าไปคิดมากเลย บัตร 2 แบบนี้ถามคนญี่ปุ่นว่าต่างกันอย่างไร เจ๊แกบอกว่าต่างที่หน้าตาบัตรเพราะมันของคนละบริษัท - -อืมมม ใช้ได้เหมือนกัน และเอาไปใช้ซื้อของตามร้านสะดวกซื้อได้ด้วย อารมณ์เหมือนบัตรปลาหมึกของฮ่องกง (Octopus card) และบัตร T-money ของเกาหลีเลย

ไปเที่ยวอะไรมาบ้าง