TRIP SEPTEMBER 2012: AUSTRALIA [MELBOURNE & TASMANIA]
Tasmania Photo Gallery @pbase> Tasmania |
.....
ย้อนอ่านภาค ๑ [Day1 - Day4]
.
Day 5 : Launceston – Stanley
เช้านี้ต้องออกแต่เช้าเพื่อไปส่งเก๋ที่สนามบินเพื่อบินกลับไป Melbourne
แล้วต่อเครื่องบ่ายกลับไทย
เก็บข้าวของออกกันเลย แวะส่งเก๋ที่สนามบินร่ำลากันแล้ว พวกเรา 3 คนก็ขับขึ้นเหนือไปและเลาะออกตะวันตกเพื่อไปปลายทางที่เมือง
Stanley เป้าหมายแรกคือเมือง Devonport หากมาทางเรือ Spirit of Tasmania จากเมลเบิร์นจะต้องมาขึ้นที่เมืองนี้
ทริปก็จะเป็นเที่ยวเหนือลงใต้ก็ได้ หรือจะมาเครื่องลง Hobart แล้วเที่ยวขึ้นเหนือกลับเรือก็ได้ค่ะ
ระหว่างทางก็ขับวนเข้าเส้น Tourist route เช่นเคย จริงๆมันคือถนนเส้นในนั่นเอง คู่ขนานกับไฮเวย์ เส้นในจะขับผ่านเมืองต่างๆได้ชมเมืองไปด้วย ชอบตรงไหนก็จอดดูได้ เราเข้าไปแวะ Devonport เพื่อหาอะไรรองท้องก่อนเพราะเมื่อเช้าไม่ทำอะไรทานเลย แม่ครัวกลับ Flight เช้าขี้เกียจทำ วนเข้าไป McDonald กันมื้อนี้เพราะทุกคนจะได้ใช้ Free wifi ด้วย ขาดการติดต่อโลกภายนอกกันมาหลายวัน ไหนจะข่าวไหนจะงาน ถือโอกาสเช็คเมล์ไปด้วย
อิ่มแล้วออกเดินทางต่อ เรายังคงใช้ tourist route ช่วงต่อจากนี้จะเป็นถนนเลียบทะเล
อากาศไม่แจ่มนัก ฟ้าปิดแต่ก็ถือว่าโอเค ฝนไม่ตก ขับไปถึงเมือง Penguin ต้องขอแวะเพราะเจ้าเพนกวินยักษ์ยืนยิ้มเผล่อยู่ริมหาด
(เราตัดโปรแกรมไปดูเพนกวินเดินกลับรังที่ Low head ออก
เพราะเมื่อวานขี้เกียจแล้ว เหนื่อยด้วย มันต้องขับรถออกจาก Launceston ไป Low
head อีกเป็น 100 กิโล ดูเสร็จมืดๆขับกลับมานอน Launceston อีก เลยไม่ไปล่ะ)
เมืองนี้น่ารักดี ไม่ได้มีเพนกวิน แค่มีชื่อเพนกวิน แวะเข้า Tourist
information เพื่อซื้อของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆ ได้คุยกับป้า cashier ป้าใจดีมากช่วยเหลือสุดๆ พร้อมเอาแผนที่มากางชี้ว่า จากนี้ไปเธอต้องแวะที่ Wynyard นะ must
see เลยนะเธอ
ป้าแนะนำ 2 จุดคือ Table Cape มันมี Tulip field ป้าย้ำนักหนาว่าต้องแวะๆๆ และอีกที่คือ Boat
Harbor Beach ป้าว่ามันสวยมว๊ากกกก เมื่อคืนเราก็อ่านโลกโดดเดี่ยวมา
เจอเหมือนกันว่าช่วงปลายเดือนกันยาถึงต้นเดือนตุลาจะเป็นเทศกาลดอกทิวลิป
ยิ่งป้ามากำชับด้วยแล้ว เราคงต้องแวะ แม้ไม่อยู่ในโปรแกรม!
ออกจาก Penguin ขับตามถนนเส้นในไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ถึง Wynyard
อากาศก็อึมครึมอยู่อย่างนั้น
ลมพัดแรงมากๆ ยิ่งตอนขับรถไปทาง Table cape นั่นจะต้องขึ้นเนินเขาไปนิดหน่อย
และใกล้ชายฝั่ง ยิ่งลมแรงใหญ่ สังเกตป้ายจะมี Tulip festival เขียนไว้
จึงมั่นใจขับไปเรื่อยๆ สักพักก็เห็นป้ายชี้ว่า Tulip farm รีบเลี้ยวรถเข้าไปทันใจ
โอ้ว...มีทิวลิปเป็นทุ่งจริงๆ แต่ไม่แน่นมาก บางแนวยังไม่บานเลย
ที่นี่เป็นฟาร์มเอกชน มีป้ายบอกว่า ค่าบำรุงสถานที่คนละ 5AUD แต่ก็ไม่มีคนเฝ้าคนเก็บเงิน 2 สาววิ่งลงแปลงดอกไม้ทันที ทั้งๆที่หนาวจับใจ
แต่ไม่แน่ใจอากาศที่ทัสมาเนียเลย กลัวฝนลงเลยรีบวิ่งไปชมก่อน 1
หนุ่มเลยเดินไปจ่ายเงินให้ในเคาเตอร์ด้านใน
มาคราวนี้ได้รู้จักทิวลิปหลายแบบหลายพันธ์ บางดอกก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นทิวลิป
ยิ่งพอเข้าไปด้านใน เค้าจะติดป้ายชื่อพันธ์ต่างๆไว้ด้วย ใครชอบมากๆเค้ามีตัดดอกขายด้วย
จากที่ฟาร์มนี้มองไปจะเห็น light house สีขาวๆอยู่ไม่ไกลนัก
คงเป็น Table cape light house ไม่น่าไกลจากตรงนี้ ตัดสินใจขับรถต่อไปตามป้าย
เลี้ยวซ้าย 1 ที เลี้ยวขวาอีก 1 ที โอ้ว....แม่เจ้า ด้านหน้า Light house มีทุ่งทิวลิปใหญ่โตสีสันสวยงาม
ให้ได้ถ่ายรูปกันสบายๆ ถึงจะล้อมรั้วไว้ แต่ก็เปิดประตูไว้เลย ไม่มีคนไม่มีใคร
ดอกก็ออกเต็มสวยงาม ถ่ายได้เลย พร้อม Lighthouse เป็นฉากหลัง
ดังนั้นใครมาก็ให้พุ่งตรงมาที่ประภาคารเลยนะ ไม่ต้องแวะที่อื่น ดูตามโปสการ์ดแล้ว
หากขึ้นไปบนยอดประภาคาร (เสีย 7AUD) มองลงมาจะเห็นทุ่งทิวลิปเต็มไปทั้งหมดสวยงามมาก
แต่ช่วงนี้มองไปโดยรอบ ยังเห็นไถหว่านกันอยู่เลย คงไม่คุ้มที่จะขึ้น
เลยถ่ายรูปกันที่ทุ่งนี้อีกพักก็รีบออกเดินทางต่อ
(หนังสือนำเที่ยวก็บอกให้มาดูทวิลิปที่ Table cape นี่
แต่เราใจเร็วเจอป้ายก็รีบเลี้ยว เลยเจอของเอกชนนะ)
ด้วยว่าอากาศมัวซัว เราเลยตัดสินใจไม่แวะ Beach ที่ป้าสั่งเพราะคงไม่สวยนัก
และเรายังต้องไปอีก 30-40 กม. เพื่อให้ถึง Stanley จะได้ขึ้น The
Nuts ได้ทันก่อน Cable car ปิดตอน 4 โมงเย็น พลขับเหยียบไปเต็มลิมิต
เราก็มาถึง Stanley ในเวลาใกล้เคียง 4 โมงเย็น มองเห็น The Nut ตั้งแต่ยังไม่เลี้ยวแยกเข้าเมือง
รีบหาทางไปที่สถานีเคเบิ้ลก่อนลุ้นว่าให้ทัน ก็ทันจริงๆเพราะเค้าติดป้ายว่าปิด 16.30 ไม่ใช่ 16.00 ตามที่โลกโดดเดี่ยวบอก แต่มันก็ขึ้นกับช่วงฤดูด้วยน่ะแหละ
ลงจากรถก็ต้องกลับขึ้นรถทันทีไปงัดอุปกรณ์กันหนาวเพิ่ม เพราะลมแรงหนาวจริงๆจังๆ
ซื้อตั๋วเคเบิ้ลคาร์ซึ่งเค้าถามว่าจะเอาเที่ยวเดียวหรือไปกลับ
ขากลับเที่ยวสุดท้ายคือ 17.30 นับจากตอนนี้ก็ประมาณ 45 นาที
ยูมีเวลาเดินสำรวจด้านบนได้ทั่วแหละ หลังจากพิจารณาแล้ว The Nuts มันไม่ได้สูงมาก ทางเดินก็เห็นเป็นทางปูนสะดวกสบาย เราเลยเลือกที่จะเดินลง
จัดแจงจ่ายเงินแล้วขึ้นกระเช้าไปด้านบน ลมแรงจนกระเช้าโยก
หมอบอกทีหลังว่าเสียวน่าดู แหะๆ
ขึ้นด้านบนได้ ก็เดินไปตามทางที่เค้าจัดทำไว้อย่างดี เลาะหน้าผาไปเรื่อยๆ มีจุดชมวิวพร้อมรั้วกันและระเบียงชมวิวเป็นระยะๆ
ลมแรงมากกกกกก หนาวยะเยือกพอสมควร จุดทีเด็ดคือจุดที่มองเห็น 2 เวิ้งอ่าว
อารมณ์เหมือนจุดชมวิวเกาะพีๆ เสียดายว่าวันนี้อากาศอึมครึมไปหน่อย
ถ่ายรูปเลยไม่ค่อยสวย พวกเราเดินเวียนซ้าย เลาะไปตามทาง
สักพักมันก็ตัดเข้าด้านในเดินผ่านสุมทุมพุ่มไม้บ้าง ช่วยบังลมได้หน่อย
ไม่มีใครเดินด้วย เดินกันอยู่ 3 คนเงียบ ๆ
เจ้าวัลเลอร์บี้กระโดดหยองแหยงๆตัดหน้าไปมา ธรรมชาติดีจริงๆ
นกสวยๆบินว๊อบแว๊บๆให้ส่องกันตลอดทาง
จนวนมาถึงด้านหลัง The Nut ก้มมองดูหน้าผาชันๆให้เสียวเล่น
ก่อนจะวนกลับมาถึงจุดเริ่มต้นที่สถานีกระเช้าที่ตอนนี้ปิดแล้ว
(ไหนเอ็งบอกว่ามีเวลาเดินได้ครบไง!) อ่อ...ตอนขึ้นเราต้องนั่งผ่านทางเดินลง
เห็นฝรั่งวิ่งจ็อกกิ้งขึ้นมาด้วย ยังชมว่าเก่งจัง
สักพักฮีมาวิ่งอยู่ในเทรลเดินของเราด้วยซ้ำ โคตรเก่งเหอะ ตอนนี้หายไปแล้ว
คงลงไปก่อนเราอีก...