Mar 3, 2014

ส่งท้ายปีที่ซีอาน

Trip : October 2013
Xian - Louyang & Huang long - Jiu Zhai Gou

ส่งท้ายปีที่ซีอาน
ทริปนี้เริ่มมาจากความอยากไปอุทยานแห่งชาติที่เค้าว่าน้ำใสใบไม้สวยติดอันดับโลกที่ชื่อจิวจ้ายโกว (JiuZhaiGou) ตั้งท่าจะไปหลายปีแล้ว ไม่สำเร็จเสียที แถมยังกล้าๆกลัวเพราะภาษาจีนนี่ใบ้เลย ภาษามืออย่างเดียว ทัวร์ก็ไม่อยากไป เราชอบเดินถ่ายรูปเรื่อยๆเปื่อยๆ ไม่หิวไม่กินข้าวว่างั้น ไปกับทัวร์คงไม่สนุกแน่แท้ มาปีนี้เจ้ากุ้งแห่ง Trip&Trek มันกระตือรือร้น เป็นธุระให้หลายอย่างทริปจึงสำเร็จลงได้ ฮ่าๆๆๆ

แต่การเดินทางไปจิวจ้ายโกวมันไม่ได้เดินทางกัน Stop เดียวจากกรุงเทพฯบินไปลงปุ๊บที่ ชวนจู๋ซื่อ ChuanZhuSi (เมืองหน้าด่านไปเที่ยวหวงหลง – จิวจ้ายโกว) ดังนั้นต้องบินไปลงที่เมืองจีนสักเมืองก่อน แล้วจะเลือกบินต่อหรือนั่งรถบัสต่อเพื่อไปชวนจู๋ซื่อก็แล้วแต่ เจ้ากุ้งเลือกที่จะบินมาซีอานแล้วกลับจากฉงชิ่ง มันไม่เที่ยวซีอานเพราะเคยเที่ยวแล้ว กะว่ามาถึงแล้วต่อเครื่องไปชวนจู๋ซื่อเลย แต่เราเลือกที่จะบินไปกลับกรุงเทพฯ-ซีอาน แวะเที่ยวซีอานก่อนสัก 2-3 วันน่ะ ก็เลยตกลงแยกกันไป แล้วมาเจอกันที่สนามบินซีอานวันที่ 20 ตุลาคมนะ! นัดกันอย่างนี้เลย

 xian luoyang photo gallery at pbase.com
ขี้เกียจอ่านก็ Click ที่รูปเพื่อไปดู photo gallery ที่ pbase.com เลยจ้ะ


ซีอาน Xi'an (西安)

ก็เพราะมีหางแดงเจ้าเดียวแหละนะที่บินตรงไปลงปุ๊...ที่ซีอาน ใจจริงไม่ชอบบินกับหางแดง(ด้วยเหตุผลส่วนตัว) แต่ว่าไปก็บิน 3-4 ครั้งแล้วนะ คราวนี้โดนเลื่อน flight ออกไปตามระเบียบ ไม่ได้ตะกรุมตะกรามจองตั๋วถูกอะไรกับเค้าหรอก ก็จองธรรมดานี่แหละ แต่จองล่วงหน้าหลายเดือนอยู่ Flight schedule เริ่มแรกถึงซีอานบ่ายสองกว่าๆ วางแผนได้เที่ยวกำแพงเมือง กะไปปั่นจักรยานเล่นยามเย็นชิลๆนะ เอาเข้าจริงก็โดนเลื่อนเวลาตามระเบียบปฏิบัติของหางแดงกลายเป็นถึงซีอานเอาตอน 3 ทุ่ม 45 กว่าจะออกมาต่อแถวขึ้นรถบัสเข้าเมืองมาถึงหอกลองได้ก็มืดพอดี




เราเลือกพักรร. Citadines Central Xi'an อ่านรีวิวจากเน็ทนี่แหละ มีคนไทยไปพักรีวิวกันมาว่าดี เข้าไปดูในเวปก็ดูดี ราคาไม่ใช่ถูกมาก แต่เราว่ามันคุ้มราคากับความสะอาดสะดวกสบายและทำเล เพราะมันอยู่ตรงละแวกหอกลอง – กู่โหลว (钟楼 Drum Tower), หอระฆัง – จงโหลว (鼓楼 Bell Tower) สามารถต่อรถเมล์รถไฟใต้ดินไปไหนๆได้สะดวกมากเลย นั่งรถมาจากสนามบินเข้าเมืองประมาณ 1 ชม. รถบัสจะจอดที่ฝั่งตรงข้ามหอกลอง หน้ารร.เมโลดี้เลย เป็นรร.ที่คนชอบมาพักกันพอสมควร เห็นรร.เมโลดี้แล้ว เราก็เดินไปทางขวาจะมีถนนซอย ก็ลากกระเป๋าเข้าซอยไปไม่กี่สิบเมตรก็ถึงรร.แล้ว ทำเลสะดวกมาก จัดการเช็คอิน เข้าห้อง แล้วก็ลงมาหาข้าวกินกันเถอะ แม้ในห้องจะมีครัวเล็กๆให้ทำอาหารกินได้ แต่วันนี้คงไม่ไหวดึกเกินไปกินข้างนอกเถอะ วันนี้เดินไปทางหอระฆัง หาของกิน มันก็ปิดแทบหมดแล้ว เลยย้อนกลับมาหาซื้อของในร้านสะดวกซื้อแถวรร. มีหลายร้านเลยปิดดึกด้วย แถมในซอยมีก๋วยเตี๋ยวผัด มีปลาหมึกปิ้ง ขายด้วย อยากลองชิมอะไรติดดินก็ลองสั่งได้เลย เราลองปลาหมึกปิ้งมากินอร่อยดี เผ็ดๆเค็มๆ



วันที่ 1 :: ตามล่าหาจิ๋นซี


วันนี้เราเลือกที่จะไปเก็บไฮไลต์ของซีอานก่อนเลย มาซีอานทุกคนคงต้องมาสุสานทหารจิ๋นซี ตอนกลับตม.จะขอดูรูปนะ ไม่มีรูปตุ๊กตาหินในสุสานออกจากซีอานไม่ได้กันเลยทีเดียว 555 ตามหนังสือท่องเที่ยวเค้าเรียกกันว่า Emperor Qinshihuang's Mausoleum Site Museum หรือที่เรียกกันง่ายๆก็ Army of Terracotta Warriors and Horses ภาษาจีนเค้าเรียก ปิงหม่าหย่ง (Bing Ma Yong) ซึ่งต้องนั่งรถบัสออกไปนอกเมืองแค่พอใกล้หลับก็ถึงแหละ ระหว่างทางมีที่เที่ยวยอดฮิตอีกที่คืออุทยานน้ำพุร้อนหัวชิงฉือ Huaqing Hot Spring (华清池) จะแวะลงเที่ยวก่อนหรือเที่ยวขากลับก็ตามใจ

การไปก็ไม่ยากอะไรมาก เพราะอ่านๆๆๆๆเอาจากผู้ใจบุญทำรีวิวไว้โคตรละเอียด เราก็เอามาเผยแพร่ต่อเป็นวิทยาทานละกัน เราตั้งต้นที่รร.เรานะ ออกมายืนรอรถเมล์ที่ป้ายใกล้ๆจุดที่ลงรถเมื่อวานหน้ารร.เมโลดี้นั่นแหละ รอรถเมล์สาย 201 เราจะไปตั้งต้นที่ Xian Railway Station ซีอานจ้าน (西安站) มันคือหัวลำโพงดีๆนี่เอง เตรียมเหรียญไว้หยอดรถเมล์ด้วยนะ คนขับไม่ทอนนะคะ ค่ารถเมล์แค่คนละ 1 หยวน ให้หยอดอย่างเดียว ราคาดูข้างรถก็ได้หรือไม่ก็ดูเค้าเอา ยืนไปพอเมื่อยก็ถึงพอดี มองดูได้เห็นกำแพงเมือง เห็นหัวลำโพงใหญ่ๆ คนลงกันเกือบหมดคัน ไม่แน่ใจถามคนขับได้ตามวิธีการเดิม คือพูดชื่อ “ซีอานจ้าน (西安站)“ คือสถานีรถไฟซีอาน พร้อมชี้โบ๊ชี้เบ๊ 555 ถ้าใช่ฮีก็พยักหน้าเองแหละ 

เดินไปที่ลานหน้าหัวลำโพงซีอาน จากนั้นเล็งไปทางขวามันจะเป็นลานจดรถเมล์รถบัสรถทัวร์มากมาย มองหาแถวยาวๆที่คนเค้าต่อกัน รับรองได้ว่าสัญชาติญาณนักท่องเที่ยวอย่างเราๆต้องรู้แน่ว่าแถวไหน จริงๆก็มีแถวเดียวแหละที่คนต่อแถวกันยาวเฟื้อย มองไปก็นักท่องเที่ยวทั้งนั้น แต่ส่วนมากเป็นจีน มีฝรั่งประปราย ไม่แน่ใจก็ทำอย่างเดิม ถามใครในแถวหรือไปที่หัวแถวถามพนักงานว่า “ปิงหม่าหยง” พร้อมชี้ที่แถว ฮ่าๆๆๆ ได้ผลรับรอง เดินสำรวจแล้วไม่มีที่ขายตั๋วนะ ถามใครๆก็บอกว่าไปจ่ายที่รถเลย ก็ยืนรอต่อไป เห็นแถวยาวๆนี่รอไม่นานมากนะ เพราะรถเยอะมาก รถมาถึงเราก็ขึ้นไปจับจองที่นั่ง มันเป็นรถสาย 5(306) จะมีคนมาเก็บค่าตั๋ว เราจะแวะเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนก่อน ก็จ่ายไป 6 หยวน



นั่งชมเมืองไปเรื่อยๆ ถนนหนทางบ้านเค้าดีใช้ได้ ขยายใหญ่โต รถก็ขับไม่เร็วมากจนน่ากลัว ออกจากเมืองซีอานไปเริ่มเป็นชนบท ก็จีนแบบดั้งเดิม เข็นผักเข็นอาหารกันเปะปะไป นั่งชมวิวเพลินๆไป พักใหญ่ๆรถก็มาจอดป้ายที่หน้าน้ำพุร้อน ฟังไม่รู้เรื่องอ่านไม่ออกหรอก แต่ป้ายรถเมล์มันอยู่หน้าลานน้ำพุเลย จะเห็นสระน้ำพุใหญ่อลังการในลานกว้างมาก อย่างในรูป นักท่องเที่ยวประมาณครึ่งนึงจะเงอะๆงะๆ จะลงดีไม่ลงดี ก็ถูกต้องแล้วล่ะ เราก็ลงอย่างมั่นใจ! 555

อุทยานน้ำพุร้อนหัวชิงฉือ นี่สร้างอยู่เชิงเขา เป็นสระสรงน้ำของกษัตริย์มาหลายราชวงศ์ ยุคที่โด่งดังคือยุคที่มีนางสนมหยางกุ้ยเฟย บางคนเลยเรียกสระน้ำหยางกุ้ยเฟย เดินตามคนจีนไปค่ะในบริเวณลานนั้นแหละ ไปซื้อตั๋วเข้า ซึ่งแพงมหาแพง 110 หยวนต่อคน แพงกว่าในเวปที่เราหาข้อมูลมา เห็นมันเขียนว่าราคา high season แหม...พอเรื่องเงิน มันมีเขียนภาษาอังกฤษบอกเสียด้วย ได้ตั๋วแล้วก็เดินผ่านลานน้ำพุที่มีหยางกุ้ยเฟยรำฟ้อนนั่นขึ้นบันไดไปเพื่อหาทางเข้าด้านบน อิประเทศจีนนี่มันคงพื้นที่เยอะเหลือเฟือจริงๆ เพราะทุกที่จะมีลานใหญ่มากๆๆๆๆ กว่าจะเดินผ่านลานพวกนี้ไปถึงทางเข้าก็เมื่อยแล้วเหอะ เข้าด้านในก็ต้องเดินๆๆๆอีก ที่เหลือเฟือก็งี้ สร้างอะไรต้องใหญ่เว่อๆไปหมด แต่ที่บ่อน้ำพุร้อนนี้ด้านในไม่ใหญ่มากมายอะไร สามารถเดินเที่ยวทั่วๆได้ในเวลาไม่เกิน 2 ชม.นะ เราก็เดินดูไปทุกตำหนักทุกอาคาร ส่วนมากก็เป็นบ่อน้ำที่ไว้อาบน้ำของกษัตริย์และมเหสี และนางสนม ส่วนข้าทาสก็บ่อเล็กและสวยงามลดๆลงมา ด้วยว่าไม่มีป้ายอธิบายความที่อ่านได้ เลยเดินผ่านได้เร็ว ถ่ายรูปก็ไม่เยอะ เพราะไม่ได้งดงามอลังการอะไรมา

เดินเที่ยวชมจนพอใจก็กลับมารอรถเมล์ป้ายเดิมเพื่อต่อรถไปเที่ยวสุสานไฮไลต์ของวันนี้ ตั้งใจรอ 5(306) สายเดิม แต่มีสาย 915 มา เด็กรถตะโกนปิงหม่าหยงๆ เห็นราคาข้างรถบอกว่า 3 หยวนเท่ากับที่หาข้อมูลมา มีนักท่องเที่ยวจีนบางคนก็ขึ้นไปเราเลยขึ้นตาม นั่งไปต่ออีกไม่นานก็ถึง ก็คนเค้าลงกันก็ลงตามเค้าไป อิทางที่ลงนี่เดินเข้าไปอีกลึกพอควร แล้วก็หาที่ซื้อบัตรไม่เจอ เหมือนที่หลายๆคนรีวิวไว้เลย คือมันหาไม่เจอจริงๆนะ ขนาดมีป้ายชี้บอกทาง แต่เดินวนไปวนมาก็หาไม่เจอ เจอทัวร์ไทยถามไปพี่เค้าก็ไม่รู้หรอกชี้มั่วไปให้เราเดินวนหนักไปอีก (ก็พี่เค้ามาทัวร์ ไกด์คงซื้อให้ แถมเวลาเดินเข้าหาฝรั่งจะถาม มันเดินหนีหมดเลย เดาว่ามันนึกว่าเป็นพวกคนจีนมาเซ้าซี้ขายของขายทัวร์ เซ็งจริงๆ) สุดท้ายเราเดินไปจนถึงทางเข้า โดยยังไม่มีตั๋ว และก็เป็นตามที่มีคนรีวิวไว้ว่าจะมีคนมาเร่ขายบัตรโดยบวกกำไรให้คนที่พลาดเดินมาถึงนี่ ไอ้ครั้นรู้ว่ามาถึงตรงนี้แล้วไม่มีที่ขายบัตร ต้องย้อนออกไปอย่างไกล แถมไม่รู้ว่าที่ขายบัตรมันอยู่ตรงไหน เพราะตลอดทางยังหาไม่เจอเลย ก็เลยยอมซื้อบัตรไปจากราคาบัตร 150 หยวนก็ขายเรา 155 หยวน เสียไป 5 หยวนไม่เท่าไหร่หรอก ดูจากรูปแล้วกันว่าจริงๆมันอยู่ตรงไหน เรามาเดินวนหาตอนขากลับเอาจนเจอ จะได้สบายใจ



สรุปว่าเราก็เข้ามาในเขตพิพิธภัณฑ์ได้สำเร็จ ฮูเร! ก็ใช้เวลาได้จนกว่ามันจะปิดล่ะ ถ้าชื่นชอบมากก็เดินนาน บางคนคงแค่มาให้ได้เห็นก็เดินผ่านๆไป ตัวอาคารจัดแสดง สร้างครอบหลุมที่ฝังหุ่นพวกนั้นไว้ มีทั้งหมด 3 อาคาร ควรเข้าอาคารด้านขวามือซะก่อน เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์ติดแอร์เอาหุ่นต่างๆ อาวุธ เครื่องประดับต่างๆ ที่ขุดมาแล้วมันสมบูรณ์ดีก็เอาเข้าตู้กระจกจัดโชว์ จากนั้นค่อยไปอาคารต่อๆไป ไปอาคาร 2 มีส่วนขุดค้นที่เห็นหลังคาอาคารด้วย แสดงว่ามันถูกฝังกลบไว้ลึกมาก การเจอสุสานนี่ก็เพราะชาวนามาขุดแล้วเจอหุ่นปั้นต่างๆเลยไปแจ้งทางการ จากนั้นก็เลยขุดค้นกันใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าขุดต่อเยอะ เพราะยิ่งขุดออกมาดินฟ้าอากาศทำลายของที่ขุดขึ้นมา เช่นหุ่นทหารนี่ตอนขุดขึ้นมามันลงสีสวยงาม แต่พอมาเจออากาศสีก็ซีดหายไปเลย ของบางอย่างก็ผุกร่อนลงไป เลยต้องชะลอกัน ค่อยๆขุดค่อยๆหาวิธีกันไป หลุมที่ 3 จะเล็กแต่มีหุ่นสวยงามใช้ได้ มีม้าเยอะด้วย แต่ที่ฮิตสุดๆก็อยู่อาคาร 1 ที่เป็นอาคารใหญ่สุด มีตุ๊กตาทหารยืนเรียงเป็นแถวที่ใครๆก็คงเคยเห็น การถ่ายรูปให้ได้สวยต้องใจเย็นๆ เพราะใครๆก็อยากถ่ายรูปมุมเด็ดๆ ก็ต้องรอจังหวะและอย่าแช่นานเกิน เห็นใจคนอื่นบ้าง ควรมีขาตั้งกล้อง แต่มักมีจนท.เดินมาห้ามกางขาตั้ง แต่พอเราหุบขาใช้เป็นแบบโมโนพอดกลับไม่ว่าแฮะ งงจริงๆ


บอกตามตรงว่า ตอนก่อนมา ตื่นเต้นตั้งตารอสุดๆ พอมาถึงแล้วมันก็ไม่ตื่นตาตื่นใจเท่าที่คาดแฮะ ไม่อึ้งทึ่งปลื้มปิติเหมือนตอนเห็นปิรามิด 555 ก็นะ ทำไมไม่รู้ แต่ก็เดินดูจนครบ ใช้เวลาเต็มที่ ก้มๆเงยๆถ่ายรูปจนปวดหลัง แล้วก็ต้องเดินย้อนกลับออกไปอีกไกลพอควร เดินกันไปจนขาจะลาก แต่ยังคาใจ เลยไปเดินวนหาที่ขายบัตรจนเจอ สบายใจ 555

ขากลับเราก็ออกไปรอรถตรงที่เราลงนั่นแหละ จะได้ไม่งงไม่หลง รอไม่นานสาย 915 สายเดิมก็มา รถว่างนั่งสบาย ขากลับหลับไปได้เลย มันสุดสายที่สถานีรถไฟนั่นแหละ ถ้าไม่ลงมันก็มาไล่ลงอยู่ดี เรากลับมาถึงสถานีรถไฟด้วยความหิวโซ เลยวนหาข้าวกินกันแถวชุมสายรถเมล์นั่นแหละ เจอร้านอาหารตักแบบข้าวแกงบ้านเรา หน้าตาพอกินได้ก็เลยกิน แต่มันตักใส่ถาดหลุมให้คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ชี้ๆเลือกกับข้าวเอา 3-4 อย่าง ส่วนมากเป็นผัดผักนั่นแหละ สั่งเป็ดมาแกล้มอีกอย่าง หน้าตาคล้ายเป็ดร่อน รอดไปได้อีกมื้อ ก็ไม่ถูกแต่ก็ไม่แพง นั่งรถเมล์สายเดิมกลับ มองเห็นหอระฆัง สว่างสวยงาม รับรองลงไม่ผิดป้ายแน่นอน


ยังไม่ดึกมาก เลยยังมีเวลาเลยเดินเล่น ชมแสงสียามค่ำ ชาวซีอานออกมาเดินเล่นกันคึกคักเต็มลานไปหมด ตั้งแต่หอกลองไปยันหอระฆังเลย เดินเล่นชมเมืองถ่ายรูป ไปจนถึงหอระฆังแวะเข้าร้านกาแฟมุมดี นั่งจิบกาแฟชมวิวหอระฆัง ก่อนกลับไปนอน เตรียมลุยถ้ำหลงเหมินวันพรุ่งนี้

วันที่ 2 :: มาแบบมั่วๆก็ถึงลั่วหยาง


วันนี้น่าตื่นเต้นที่สุด ตื่นเต้นว่าจะไปถึงลั่วหยางได้สำเร็จหรือไม่แบบภาษาจีนไม่กระดิกเลย วันนี้จะต้องไปนอกเมือง โดยไปขึ้นรถไฟหัวจรวดความเร็วสูงที่สถานีรถไฟอีกแห่งคนละที่กับเมื่อวาน คือ Xian North Station เป็นสถานีรถไฟความเร็วสูง– ซีอานเป่ยจ้าน ( 西安北站)  สถานีนี้อยู่ไกลหน่อย ดูจากแผนที่จะเลยขึ้นไปทางเหนือเลยกำแพงเมืองออกไป นั่งรถเมล์ไปก็ได้แต่ไกลเสียเวลา ทางที่ดีไปด้วยรถไฟใต้ดินดีกว่า เราเริ่มต้นที่สถานีจงโหลว ZhongLou (鼓楼) เพื่อไปลงสถานี XianBei (西安北) เตรียมเหรียญไปหยอดตู้ได้เลย กดง่ายๆเหมือน BTS บ้านเรานั่นแหละ มีภาษาอังกฤษ ถ้าไม่มีเหรียญก็ไปแลกเหรียญที่เคาเตอร์ เหมือนเมืองไทยเปี๊ยบ แค่ตอนกดที่ตู้ให้เลือกสายรถไฟก่อน แล้วค่อยกดสถานีปลายทาง ถ้าจะไปสถานี XianBei (西安北) นั่งรถไฟสาย 1 ราคา 3 หยวน โคตรถูกเลย

สถานี XianBei อยู่ใต้สถานีรถไฟสายเหนือเลย เหมือนแอร์พอร์ทลิงค์เมืองไทยไปสุวรรณภูมิ ขึ้นมาด้านบนมองหาเคาเตอร์เพื่อซื้อตั๋วไปเมืองลั่วหยาง  ซึ่งเราก็งงว่าจะซื้อตรงไหน ก็ต้องถามเค้าแหละ จนท.ก็ช่วยเหลือดีนะ ถึงพูดไม่ได้แต่ก็เข้าใจว่าเราจะหาอะไรก็ชี้ทางให้เรา ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบน ออกมาด้านหน้าทางเข้าสถานีรถไฟ ก็เจอห้องขายตั๋ว เข้าไปต่อแถวซื้อจากเคาเตอร์ เพราะซื้อเองจากตู้กดไม่เป็น มันน่าจะยาก ไปถึงบอกน้องหมวยว่าจะไปลั่วหยาง น้องก็กดคอมพ์ให้ดูว่าจากตอนนี้มีเวลากี่โมง จะถึงกี่โมง ราคาเท่าไหร่ เราเลือกได้เลย ตกลงเราเลือกเที่ยว 10 โมง พอมีเวลาซื้อน้ำซื้อขนม ตั๋วจะบอกชานชาลาไว้ เข้าด้านในไปมองหาเหมือนเวลาจะขึ้นเครื่องบินแหละ สถานีที่ว่าใหญ่ๆก็แน่นไปด้วยคนนั่งหน้าเกทกันเต็มไปหมดถึงเวลาเกทเปิด คนต่อแถวกันเข้าเป็นระเบียบดีอย่างไม่น่าเชื่อ จีนพัฒนาขึ้นแล้วจริงๆ 



เข้าไปนั่งตามเลขตั๋ว คอยจับเวลาด้วยนะ อย่านั่งเพลิน อารมณ์เหมือนตอนนั่งชินคังเซนที่ญี่ปุ่นเลย ใกล้ถึงเวลาที่กำหนดก็ดูไฟวิ่งชื่อสถานีอีกทีให้แน่ใจ แล้วก็ไปรอเพราะมันจอดแป๊บเดียว เราไปถึงลั่วหยางช้ากว่าแผนที่ตั้งใจไว้เพราะตื่นสายไปหน่อย ออกจากสถานีรถไฟ รีบเดินไปป้ายรถเมล์ด้านข้าง เห็นรถเมล์สาย 71 วิ่งออกไปคาตาเลย ขึ้นไม่ทัน ต้องยืนรอคันต่อไป ซึ่งรอนานมากกกก เหมือนที่คนเคยรีวิวไว้ เหมือนว่ามันจะวิ่งวน ไม่รู้มีรถกี่คันกัน ถึงรอนานขนาดนี้ 

(จริงๆแล้วที่ป้าย มีคนเขียนให้เป็นที่สังเกตไว้ ซึ่งมันมี 2 สาย คือ 67 กับ 71 แต่เราไม่รู้เส้นทางเดินรถกลัวจะอ้อมไกลหรือไปหลงซะ เลยรอ 71 ตามที่อ่านมา)แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มาสักที ด้วยความงกเล็กๆปนเวลาที่คิดว่ามีเหลือเฟือ เลยไม่ยอมเรียกแท็กซี่ทั้งๆที่มีคนไทยมาชวนแชร์ค่ารถอยู่เพราะรอมานานเหมือนกัน 2 คนนั้นคงไปรถแท็กซี่หลังจากเราบอกว่าขอรอรถเมล์ต่อ สรุปว่ารอรถเมล์ไปร่วม 45 นาที ก็มาให้ได้ขึ้นจนได้ คนก็ขึ้นจนแน่น 

แต่นั่งไปไม่ไกลเท่าไหร่ก็ถึงแล้ว คนขับจะบอก หลงเหมินสือคู (龙门石窟) จะเป็นจุดที่จอแจที่สุดแล้ว คนขึ้นลงเยอะมาก สังเกตุง่าย ลงมาแล้วต้องเดินฝ่าร้านขายของเข้าไปอีกยาวพอควรเหมือนทุกที่ในจีน แวะหาข้าวทานซะก่อนเพราะข้างในจะไม่มีอะไรขาย ระหว่างทางมีร้านขายข้าวเยอะแยะ แต่ไม่ถูกใจ เลยเดินมาจนถึงที่ขายตั๋ว ที่มีแท่งหินป้ายชื่อสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวเวียนกันปีนขึ้นไปโอบกอดถ่ายรูปกัน ด้านขวาของแท่งหินจะมีร้านขายอาหารแบบคล้ายฟู๊ดคอร์ทเล็กๆอยู่ด้านขวา เลยเข้าไปนั่งกินก็ พอทานได้ มีอาหารญี่ปุ่นแบบเพี้ยนๆหน่อยกินได้ มีแซนวิส ทีไก่ทอด อิ่มแล้วก็ลุยต่อ

ที่ๆเรามานี่เรียกว่าถ้ำหลงเหมิน จุดเด่นคือภาพแกะสลักรูปพระพุทธรูป เป็นแบบนูนต่ำ เต็มหน้าผาไปทั้งแถบ แต่โดนทำลายไปเสียเยอะ ทั้งจากฝีมือคนและฝีมือธรรมชาติ เดินชมได้ทุกหน้าผาด้านขวามือ ขึ้นบันไดไม้ที่เค้าทำไว้ให้ไปดูภาพสลักดู เดินขึ้นๆลงๆจนเมื่อยก็สุดทาง จากนี้เราจะข้ามสะพานข้ามแม่น้ำไปฝั่งซ้าย มีการตรวจบัตรอีกรอบ บัตรที่ซื้อจะเป็นราคาเต็มเข้าได้ทุกที่ เข้าใจว่ามีราคถูกกว่านั้น อาจชมผาด้านขวาที่เราเดินดูมาเมื่อกี้ด้านเดียวแล้วเดินกลับก็ได้ แต่เราซื้อตั๋วแบบเต็มชุด ก็เดินข้ามสะพานมาได้ จากตรงนี้มีจักรยานให้เช่าขี่ด้วย ทั้งนั่งเดี่ยว นั่งคู่ นั่งสาม เห็นคนเช่าขี่เล่นกันสนุกดี แต่เราไม่อยากสนุกแต่ทุกข์ทีหลัง เพราะเดินไปเที่ยวที่ต่อไปต้องจอดรถไว้ด้านล่าง เดินขึ้นผาไปเที่ยวแล้วมันก็ลงอีกจุดหนึ่ง คงต้องเดินย้อนกลับมาเอารถตรงทางขึ้นอีก น่าจะเหนื่อยกว่าเดิม ทางขึ้นชมผาด้านนี้มีถ้ำและภาพสลักน้อยกว่า แต่พอเดินขึ้นแล้วหันกลับมาวิวสวยงามมาก มองเห็นผาด้านโน้นที่เราเดินชมมาแล้วเป็นภาพพาโนราม่า พร้อมแม่น้ำขวางอยู่ด้านหน้า สวยมากๆ



ลงจากจุดแรก ไปขึ้นทางขึ้นต่อไปเป็นศาลเจ้าด้านบน ทางเดินจะผ่านบ้านหรือห้องทำงานของเจียงไคเช็ก ด้วย แถบนี้อะไรๆก็เป็นเจียงไคเช็ก คงต้องไปหาข้อมูลประวัติศาสตร์มาอ่านเสียหน่อยแล้วล่ะ เดินชมจนขึ้นไปไหว้พระด้านบน ก็ได้เวลาบ่ายแก่พอดี  ลงมาเดินกลับออกไปด้านนอก ใครไม่ไหวก็นั่งรถกอล์ฟได้นะ ราคาประมาณ 5-10 หยวน จำไม่ได้แน่ ให้ออกไปส่งด้านนอก เรายังพอไหวก็เดินกันต่อไป

ออกไปป้ายรถเมล์เดิม 2 จิต 2 ใจ จะไปต่อหรือจะกลับเลย แต่เห็นยังพอมีเวลาเลยนั่งรถเมล์สาย 81 ต่อไป เพื่อไปวัดกวนอู (กว้านหลินเหมี่ยว - 关林庙) ไปตามทริปรีวิวที่อ่านมาเลย ตอนขึ้นสบายมาก แต่ตอนจะลงนี่ลงไม่ถูก งงมากบอกเลย ป้ายก็ไม่มี บอกคนขับฮีก็ไม่สนใจ รู้สึกว่านั่งนานไปแล้ว เห็นป้ายแว๊บๆชี้ไปทางขวาเลยตัดสินใจกดกริ่งลง ลงมายืนงงอยู่หน้าตลาด อารมณ์เหมือนเมืองชนบทบ้านเรา เอาชื่อสถานที่ไปให้คนแถวนั้นดู ทุกคนชี้ว่าเราเลยมาแล้ว ต้องเดินย้อนกลับไปลิ้นห้อยเหมือนกัน แต่ก็ได้เดินดูชาวบ้านร้านตลาดไป เดินถึงวัดกวนอู รู้สึกไม่อภิรมย์ตัวศาลเท่าไหร่นัก แล้วมันก็เย็นแล้วด้วย มันยังไม่ปิดแต่เสียเงินเข้าไปคงถ่ายรูปไม่ได้สวย เลยเดินเล่นอยู่ลานด้านหน้าศาลเจ้า อารมณ์ประมาณลานคนเมือง เดินๆนั่งๆพักเหนื่อย แล้วก็เดินออกมาที่อู่รถเมล์ใกล้ๆศาลเจ้านั่นแหละ พอดีเห็นตอนเดินมา ยังดีใจว่าเจออู่รถเมล์สบายแล้วเรา แต่แม่เจ้า นั่งรอสาย 71 เพื่อกลับไปสถานีรถไฟรอเป็นชม. มีแต่สายอื่นที่เข้ามาแล้วก็ออกไป รอจนหมดหวังล่ะตกรถไฟไปหลายขบวนอยู่ แต่ข้อมูลบอกว่ามีจนถึง 2-3 ทุ่มเลยยังใจสู้ สุดท้ายก็มาจนได้ นั่งรถไปแป๊บเดียวก็ถึงสถานีรถไฟล่ะ เซ็งจริงๆ ไปซื้อตั๋วเที่ยวใกล้ที่สุดก็ทุ่มห้าสิบ หิวโซ เลยไปนั่งกิน KFC กันตายก่อน ขึ้นรถแล้วหลับสนิท หมดแรง รีบกลับรร.ไปนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้ามืด มืดจริงๆต้องไปถึงสนามบินก่อน 6 โมงเช้า ไปสนามบินเพื่อไปเจอกับเดอะแก๊งค์ ต่อเครื่องไปชวนจู๋ซื่อ ด้วย flight 7:50 เพื่อเป็นการตั้งต้นทริป หวงหลง-จิวจ้ายโกวของพวกเรา

<เราคงแยกรายละเอียดการเที่ยว หวงหลง จิวจ้ายโก้ว ไปอีกกระทู้ก็แล้วกัน จะได้ลงรายละเอียดได้มากหน่อย ไม่ทำให้กระทู้นี้ยืดยาวจนเกินไป กระทู้นี้ให้เป็นการเที่ยว ซีอาน ก็แล้วกัน>

วันที่ 3 :: ซ่งพาน > มูนีโกว >
วันที่ 4 :: หวงหลง
วันที่ 5 :: จิวจ้ายโกว
วันที่ 6 :: จิวจ้ายโกว

วันที่ 7 :: กลับซีอานช่างทรมานแท้ๆ


เช้านี้เรานั่งรถแท็กซี่เหมามาจากจิวจ้ายโกวแต่เช้ามืดเลยค่ะ กะให้มาส่งถึงสนามบินประมาณ 7 โมงเช้า เพราะ flight 9:30 เผื่อๆเวลาไว้นิดหน่อย พิจารณาแล้วอากาศไม่โหดร้าย หิมะไม่ถล่ม ออกเช้ามืด มาสนามบินก็ทันใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงก็ถึงล่ะ (ถ้ากลัวพลาด บางคนก็นั่งรถกลับมาแต่เย็นมานอนที่ชวนจู๋ซื่อก็ได้ ตอนแรกเราก็กะอย่างนั้น พอไปแล้วเห็นว่าเดี๋ยวนี้ถนนดี ทางไปไม่ไกล และกาศดีขึ้นก็เลยออกตอนเช้าดีกว่า) มาถึงสนามบินตามเวลาที่ตั้งใจ ผู้โดยสารมากมายมหาศาลจริงๆ ต้องเข้าไปคอยเล็งดูว่า flight เราเช็คอินได้หรือยัง เช็คเสร็จก็เข้าด้านในได้ ที่รอหน้าเกทกว้างขวางมาก ด้านนอกดูคับแคบ แต่ด้านในกว้างมากมีเป็นสิบเกท ผู้คนก็ต่างไปนั่งรอหน้าเกทตัวเอง สักพักก็ค้นพบว่า flight ก่อนหน้าเราดีเลย์ และ flight ต่อๆมาก็ดีเลย์ พอเริ่มมองเห็นฟ้าก็พบว่า..... มันไม่เห็นฟ้า! หมอกลงจัดแบบทัศนวิสัยไม่น่าเกิน 5 เมตร เริ่มเข้าใจชีวิตล่ะว่าเครื่องขึ้นลงไม่ได้ แบบนี้ซินะ ที่เค้าบอกว่าบินไปกลับจิวจ้ายโกวมันต้องทำใจ สนามบินปิดบ่อยๆ เอิ่มมมมมมม....

ปัญหาหนักสุดคือภาษาจีนเราไม่ได้เลย จนท.สนามบินทุกคนภาษาไทยไม่ได้เลย ก็ไม่แปลก แต่ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ด้วย! แม่เจ้าประกาศอะไรกันไม่รู้เรื่อง พอสัก 10 โมง เริ่มโกลาหล คนเป็นพันๆคนตกค้างอยู่ในสนามบิน ยังไม่ได้ออกสักเที่ยว เราพยายามจะไปถามที่เคาเตอร์ (ก็มันประกาศภาษาอังกฤษว่าสงสัยอะไรให้ไปถามเคาเตอร์อ่ะนะ) พอไปถึงมันพูดไม่ได้เลยเถอะ รวมทั้งคนจีนเองก็รุมทึ้งมันเต็มไปหมด เราแค่อยากรู้ว่ามันมีความคืบหน้าอย่างไร จะเลื่อนจะยกเลิกหรืออย่างไร ก็ไม่รู้เรื่อง น้ำตาจะไหล เข้าใจทอม แฮงค์ใน The Terminal เลยเนี่ย ไปก็ไม่ได้ เข้าก็ไม่ได้


เอาเป็นว่า สรุปสุดท้ายเราได้บินออกตอน 5 โมงเย็น! สิริรวมนอนอืดอยู่ในสนามบินเป็นเวลา 10 ชั่วโมง!!! ประทังชีวิตด้วยน้ำร้อนฟรี กับข้าวกล่องที่เค้าแจก (โดยการเดินเอาบอร์ดดิ้งพาสไปยื่น 3 รอบ ถึงได้ คือเห็นคนอื่นกิน เลยไปยื่นบ้างโดนปฏิเสธมา 2 รอบ มันคงเรียกเป็นเที่ยวๆไป แต่ฟังไม่รู้เรื่องไง ฮ่าๆๆๆ) ร้านขายอาหารก็พอมีนะ แต่ไม่น่ากินแล้วก็คนเยอะมาก แนะนำเลยนะใครจะบินก็ควรพกมาม่ากระป๋องใส่เป้ไป น้ำร้อนฟรีอยู่แล้ว จะได้ซดอะไรร้อนๆแก้เซ็งได้ กาแฟซอง กระบอกน้ำอะไรงี้ พกเข้าไป ฮ่าๆๆๆ ของเรานี่จับโหลดไปหมด มั่นใจมาก มาแต่ตัว เอิ๊กๆๆๆ (ตอนหลังได้เจอคนไทยในเที่ยวเดียวกัน เล่าว่า เค้าได้ออกไปนอนพักที่รร.เพราะไปถามได้ความมางั้น แต่รร.ก็ไม่ดี มันหนาว และจริงๆจะไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้เพราะไม่รู้จะได้บินกี่โมง ได้แต่นั่งๆนอนๆในห้อง มันก็ดีอย่างเสียอย่างนะ ในสนามบินไม่ค่อยหนาวแต่ก็นั่งจนตูดบาน)

สรุปแล้วมาถึงสนามบินซีอานมืดตึ๊ดตื๋อ โปรแกรมการเที่ยวที่กะจะไปวัดห่านป่าเล็กห่านป่าใหญ่ดูน้ำพุแสงสีก็ต้องล้มพับไป เพราะถึงรร.ก็ไม่ไหวล่ะ ได้แต่ออกมาเดินเล่นแถบตรอกมุสลิม เดินเข้าด้านหน้า Parkson แล้ววนอ้อมมาออกตรงหอกลอง ถ่ายรูปแถวหอกลองหอระฆังยามค่ำคืน ได้แต่แปะโป้งไว้ว่ามีเวลาจะเข้าไปชมด้านใน

วันที่ 8 :: เก็บตกซีอานพาลจะตกเครื่อง....


ด้วยว่า flight delay เมื่อวาน วันนี้จึงต้องเก็บตกเยอะหน่อย อดชิลๆตามที่วางแผนเลย จะต้องไปกำแพงเมืองซีอาน ต่อด้วยเจดีห่านป่าเล็ก ห่านป่าใหญ่ คงอดดูน้ำพุแสงสีหน้าวัดห่านป่าใหญ่เพราะเครื่อง 22:25 น. ต้องเผื่อเวลานั่งรถไปสนามบินอีกชั่วโมงนึงด้วย คงต้องออกจากซีอานไม่เกินทุ่มนึง

เริ่มต้นที่สถานีจงโหลว ZhongLou (鼓楼) เหมือนเดิม ใช้รถไฟสายสีแดง ไลน์ 2 ไปลงสถานี Yongningmen (永宁门站) เพื่อเข้ากำแพงเมืองซีอานที่ Yongningmen Gate ที่เป็นประตูทิศใต้ อันกำแพงเมืองนี่เข้าได้หลายประตู แล้วจะเลือก ออกจากสถานีรถไฟ ก็ดูป้ายเอาว่าควรออก exit ไหน ตอนเราไปพอดีมีก่อสร้างหน้าทางเข้าเลยเดินวนหาแทบแย่ มันล้อมรั้วไว้ แต่ให้มองหารถบัสท่องเที่ยวแหละ อยู่ตรงไหนก็ตรงนั้น เข้าไปติดต่อซื้อตั๋วขึ้นชมราคา 54 หยวนต่อคน ตรงนั้นใครอยากได้ความรู้สามารถเช่าเครื่องอธิบายได้ ใส่หูฟังไปตามจุดต่างๆด้านบน มีภาษาอังกฤษให้ฟัง 

เดินเข้าด้านในจะเจอลานกว้างๆ มีกลองมีดาบให้ถ่ายรูปเล่นกัน มีทหารเดินเปลี่ยนเวรยามให้นักท่องเที่ยวได้กรี๊ดกร๊าดถ่ายรูปกัน จากนั้นเราก็เดินขึ้นบันไดไปด้านบนกำแพง จะเดินเล่นก็ได้ถ้าอยากเดิน แต่ส่วนมากจะเช่าจักรยานขี่เล่นกัน มีทั้งจักรยานปั่น 1 คน ปั่น 2 คน ค่าเช่าคิดเป็น หยวนต่อชม. มีค่ามัดจำด้วย ขี่แล้วส่งคืนสถานีไหนก็ได้นะ เราก็คิดกันว่าขี่สักรอบแล้วกัน ชมวิวชิลๆก่อนเที่ยง แล้วก็ยังอยากชิลๆหวานๆเลยเช่าจักรยานแบบ 2 คน ราคา 100 นาที 80 หยวน มัดจำอีกเป็นร้อยเลยจำไม่ได้ เห็นบางคนถอยเพราะอีค่ามัดจำนี่แหละ

พอเริ่มขี่ก็พบว่าคิดผิดถนัด มันหนัก! เอิ๊กๆๆๆๆ แถมพื้นก็เป็นอิฐก้อนๆกระแทกตูดระบม แถมมันไม่ได้เป็นพื้นราบตลอด มีเนินขึ้นบ้างลงบ้าง เหนื่อยมาก บอกเลย!! 

ก่อนจะเริ่มขี่ ได้ยินปี่กลองดังลั่นจากด้านล่าง มองมายืนดู มันถึงเวลาโชว์พอดี ของเราคงเป็นรอบ 11 โมง มีทหารมาเดินทำพิธีมอบโน่นนี่อะไรสักอย่างให้นักท่องเที่ยวได้ดูกันเพลินๆ วันนึงมีหลายรอบหลายช่วงเวลา ดูไปสักพักก็เบื่อล่ะ ไปปั่นจักรยานดีกว่า แล้วก็ลิ้นห้อยอย่างที่เล่า สรุปแล้วปั่นไปได้แค่ประมาณ 1 ใน 4 ก็เบื่อล่ะ เลยวกกลับเอามาคืนที่เดิม กร๊ากกกก ไม่ค่อยคุ้ม แต่ได้ปั่นสมใจและปั่นตามคำสั่งเจ้ากุ้ง มันย้ำนักย้ำหนาว่าให้มาปั่นชิลๆ  - -“


กลับออกมาเดินข้ามถนนไปมองหาแหล่งช็อปของที่ระลึก เจ้ากุ้งบอกว่าของแถวนี้ถูกให้ซื้อแถวนี้ ไม่แน่ใจว่าที่เดินเข้าไปนั่นใช่แหล่งที่กุ้งบอกมั๊ย แต่ปรากฏว่าของมันแพงมาก ต่อไม่ไหวเลย เรารู้เพราะคืนก่อนเดินดูที่ตรอกมุสลิมแล้วแต่ไม่ได้ซื้อ นึกว่าที่นี่จะถูกกว่า เลยกลับดีกว่า แล้วว่าจะไปซื้อที่ตรอกมุสลิมตอนเย็นเพราะใกล้รร. (แต่ผิดแผน เกือบตกเครื่อง - -“)

จากตรงนั้นเราเดินตามถนนย้อนกลับไปที่หอระฆังได้เลย จริงๆแล้วมันไม่ไกล ขามาจริงๆเดินมาก็ได้ถ้าจับทิศถูก เราจะไปกินของเด่นของดังของซีอานกันนั่นคือเกี๊ยวซีอาน ร้านดังที่จะไปคือร้าน  ร้านเต๋อฟาฉาง Defachang ร้านนี้เคยอ่านเจอว่าดังแบบใครก็ต้องไปกิน เลยอยากไปบ้าง แต่ search หารีวิวทางไปร้านไม่เจอ มีแต่บอกแค่ว่าแถวๆหอระฆัง สุดท้ายเราใช้ GPS นำทาง หาเจอจริงๆด้วย!! เลยทำลายแทงมาให้เอาชัดๆจะได้ไม่พลาด จริงๆมันก็อยู่ตรงตึกติดกับตึกที่ไปนั่งกินกาแฟชมวิวหอระฆังคืนแรกๆนั่นแหละ กว่าจะเจอก็หิวใช้ได้เลย เอาเป็นว่าอร่อยใช้ได้เลย ชามใหญ่ด้วย จานที่หน้าตาคล้ายยำหูหมูอร่อยแก้เลี่ยนได้ดี แต่ขอเตือนว่า ชามใหญ่มากกกก 


อิ่มแล้วกลับไปเก็บของที่รร. เช็คเอาท์เอาของลงมาฝากด้านล่าง มีเวลาอีกไม่เยอะ รีบไปวัดห่านป่าดีกว่า ตั้งต้นที่เดิม ใช้รถไฟสายสีแดง ไลน์ 2 ไปลงสถานี Nanshaomen (南稍门站) ออกจากสถานีแล้วมองหาป้าย วัดเจี้ยนฝู (荐福寺) เราจะไป เจดีย์ห่านป่าเล็ก – เสี่ยวเหยีนถะ (小雁塔) กัน เดินเข้าในซอยไปไม่ไกลจะมีที่เก็บค่าเข้าคนละ 30 หยวน เดินเข้าด้านในดูร่มรื่น สงบดีนักท่องเที่ยวไม่มาก ด้านในจะมีแผนผังเมืองเป็นเมืองย่อมๆเลย ประกอบด้วย หอกลอง หอระฆัง มีโบสถ์ มีเจดีย์ กำแพงล้อมรอบ สวนด้านในก็ร่มรื่น เจดีย์ห่านป่าเล็กเป็นชั้นๆหน้าตาเหมือนเจดีย์ที่เมืองต้าหลี่ เราเดินวนดูรอบๆไม่ถึงกับทั่วทั้งหมดเพราะพื้นที่ก็กว้างอยู่ ก็กลับออกมาทางเดิม 

จากนี้เราจะไปเจดีย์ห่านป่าใหญ่ จากที่อ่านรีวิวมาบอกให้นั่งรถเมล์สาย 23 หรือ 8(610) ไป แต่ไม่ได้บอกว่าขึ้นป้ายไหนฝั่งไหน เราเจอสายนึงที่ป้ายหน้าวัดแต่ไม่ได้ขึ้นเพราะมันแน่น เลยเดินกลับไปตรงสถานีรถไฟตรงถนนใหญ่ กะว่าป้ายนี้คงมีทั้ง 2 สายให้เลือก ปรากฏว่าดูที่ป้ายรถไม่มีเลขที่เราจะขึ้นเลย ยิ่งงไปกันใหญ่ เดินต่อไปอีกป้ายถึงจะเจอ ขึ้นสาย 8(610) ไป ยืนไปพักใหญ่ดูแผนที่ตามไปด้วย มันดูผิดทิศผิดทางพิกล งงมากเปิด GPS ดูด้วยจะได้ลงถูกยิ่งงงใหญ่ สัญญานก็ขาดๆหายๆ สุดท้ายดูเหมือนว่าจะคนละทิศเกรงว่าจะหลงไปใหญ่เลยตัดสินใจลงมา ที่ไหนก็ไม่รู้ เรียกแท็กซี่เถอะ พี่สาวคนขับแท็กซีได้ใจมากพาซิ่งไปส่งในเวลาอันสั้น เรายังคงงงทิศทางอยู่ไม่รู้พี่แกส่งตรงไหน แต่ก็เห็นนักท่องเที่ยวเยอะแยะเลย มองๆหาลานน้ำพุที่ว่า มันอยู่ตรงไหนหว่า ไม่เห็นมี เจอแต่รูปปั้นพระถังซำจั๋ง ช่างมันเข้าไปในวัดก่อนแล้วกัน

เจดีย์ห่านป่าใหญ่ หรือ ต้าเอี้ยนถะ 大雁塔 อยู่ภายในวัดต้าฉือเอิน 大慈恩寺 เสียค่าเข้า50 หยวน เข้าไปก็จะเจอหอกลอง-หอระฆังต้อนรับอยู่ซ้ายขวาเลย เดินตรงเข้าไปที่เจดีย์ห่านป่าใหญ่ หน้าตาเหมือนที่ห่านป่าเล็กเป๊ะๆ แค่ใหญ่กว่า แต่วัดนี้ใหญ่โตกว่า นักท่องเที่ยวเยอะ เหมือนวัดดังๆทั่วไป เดินวนจนรอบก็กลับออกมาทางเดิม มาเดินถ่ายรูปที่ลานด้านหน้า ยังคงมองหาลานน้ำพุก็ไม่เจอ สุดท้ายก็เลยช่างมัน ยังไงก็คงไม่ได้ดูแสงสีตอนสองทุ่มหรอก แต่เวลาเหลือเลยนั่งกินกาแฟขนมเค้กที่ร้านดูทันสมัยที่สุดเท่าที่เจอแถบนั้น จนได้เวลาควรจะกลับได้แล้ว เราตัดสินไว้แล้วว่าจะนั่งแท็กซี่กลับ เพราะหลงทิศตั้งแต่ขามาแล้ว กลับรถเมล์คงไม่ถูก ออกมาเรียกแท็กซี่... แม่เจ้า ไม่มีแท็กซี่ว่างเลยในเวลาหกโมงเย็น เดินย้ายที่ไปซ้ายไปขวามาหลายที่มาก ก็ยังไม่มี เลยคิดว่าเปลี่ยนถนนดีกว่า คิดว่าจะเดินอ้อมไปถนนด้านหลัง จากตรงนี้เดินเลาะกำแพงวัดด้านข้างไปเรื่อย โผล่มาด้านหลัง แม่เจ้า เจอลานน้ำพุใหญ่ยักษ์อยู่ตรงนี้นี่เอง ตกลงแล้วที่เราลงแท็กซี่ขามานั่นด้านหน้าหรือหลังวัดกันนี่ 


พอเจอลานน้ำพุเราก็เดินไปที่ถนนใหญ่ ข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามเพื่อหาเรียกแท็กซี่ เพราะมันเป็นวันเวย์ฝั่งนี้รถไม่จอด ตายๆๆๆ คนรอเรียกมหาศาลล้านแปด รถเมล์สายที่จะขึ้นไม่มีผ่านมา ไม่รู้ว่าสายที่จะไปรร.ต้องไปขึ้นตรงไหน กลัวว่าจะหลงไปมั่ว พยายามเรียกแท็กซี่ก็ไม่ได้ เวลาก็กระชั้นเข้ามา จะตกเครื่องแล้วโว๊ยยยย

เดินย้อนกลับไปหน้าลานน้ำพุ เลยไปถนนอีกด้าน ยังคงหาแท็กซี่ไม่ได้ ฮือๆๆ เดินจนมืดบอกเลยว่าจนปัญญา สุดท้ายรถกระป้อมาไล่ชวนขึ้น เลยบอกมันไปว่าไปหอกลอง 20 หยวนได้มั๊ย ตอนแรกมันไม่ให้มันบอกราคามาแพงกว่าเท่านึง เราเลยเดินหนี คราวนี้มันขับมาเทียบทำหน้ามุ่ยบอกไปก็ได้วะ เราเลยขึ้นไปเอาว่ะไกลใกล้แค่ไหนไม่รู้ล่ะ รถกะป้อพาเราแทรกไปอย่างกะเป็นมอเตอร์ไซค์ รู้แล้วทำไมมันพึมพัมบ่นตลอดทาง ก็มันไกลและรถติดมาก เน้นว่ามากกกกกกกก รถเต็มถนนยามเย็นอย่างนี้ แต่พี่กะป้อพาเราปีนฟุตบาท แหวกทางระหว่างรถ ไต่ทางกั้นต่างๆนาๆมาส่งตรงหอระฆังจนได้ จริงๆเราเรียกไปหอกลองนะเฟ้ย แต่ก็เต็มใจลง เพราะเสียวสุดๆ ถึงจะบ่นว่าอยากได้ 40 หยวนมาตลอดทาง แต่พอจอดส่งเราพี่แกก็ไม่เรียกเพิ่มนะ เราจ่ายไป 20 หยวนตามที่บอกนั่นแหละ 

อิพวกนี้แหละเกือบพาตกเครื่อง
ลงรถแล้วภาระกิจสำคัญต้องรีบจ้ำเข้าถนนมุสลิมไปเอาตุ๊กตาจิ๋นซีที่ต้องการ กับพวกแมกเน็ต ของโชว์เล็กๆน้อย ยังไงต้องได้กลับบ้าน ไม่ย๊อมมม รู้อย่างนี้ซื้อแต่ครั้งแรกก็ดีล่ะ ร้านที่ดูไว้อยู่ลึกกว่าที่คิดเยอะหรือว่าเราใจร้อนไม่รู้ แถมตอนหัวค่ำอย่างนี้คนเดินในซอยมุสลิมแน่นมาก เน้นว่ามากกกกกก มากแบบเรียกว่าคนติดเถอะ แถมกะป้อยังมีวิ่งเข้ามาปะปนกะคนเดินด้วย แหวกคนเข้าไป แหวกคนออกมา แทบรากเลือด แบกตุ๊กตามาอีกหลายตัว หนักไม่ใช่น้อย วิ่งล้นห้อยมาถึงรร.รีบลากกระเป๋าไปที่จุดขึ้นรถบัส เริ่มเครียดเพราะมองดูรถติดทั้งถนน จนท.รถบัสถาม flight เรา แล้วก็ยิ้มเชือดเฉือนพร้อมบอกว่าให้ไปแท็กซี่เถอะ เพราะบัสต้องรอตามเวลา เจ้ตกเครื่องแน่ถ้านั่งบัส! คนขับแท็กซี่ที่เดินตามตื๊อมาแต่หน้ารร.ยิ้มกริ่มเข้ามาหาทันที เราไม่คิดหรอกว่ามันจะฮั๊วกับรสบัสเพราะดูตามเหตุผลแล้วมันจริง 5555 ต่อรองราคากันอีกนิด ตกลงกันได้ที่ 140 หยวน ขึ้นรถแล้วพี่แกพาเราไปทางซอยผ่านหน้ารร.ทะลุออกด้านหลังไม่ได้มาติดบนถนน.ใหญ่ด้านหน้าเหมือนเส้นทางรถบัส บึ่งรถไปสนามบินเร็วเท่าที่พี่เค้าจะทำได้ ดีที่เราเลือกที่นั่งมาก่อนแล้ว ทำเว็บเช็คอินมาก่อนแล้ว แค่มาโหลดกระเป๋ารับบอร์ดดิ้งพาสกันแบบลิ้นห้อยน้ำลายเหนียวกันเลย ทริปนี้เที่ยวกันถึงหยาดสุดท้ายจริงๆ ขึ้นเครื่องกินข้าวเหนียวมะม่วงที่สั่งไว้เป็นอาหารเย็น ก็มันผิดแผนไปนิดจากที่ว่าจะได้เที่ยวชิลๆวันสุดท้ายกินข้าวร้านหรูๆส่งท้าย นั่งบัสสบายๆมาสนามบิน กินข้าวเหนียวมะม่วงเป็นของหวานล้างปากก่อนนอน กลายเป็นหิวโซขึ้นเครื่องหน้ามันเยิ้ม ฮ่าๆๆๆ จบทริปลิ้นห้อยแต่เพียงเท่านี้


No comments:

Post a Comment