Jun 10, 2014

หวงหลง - จิวจ้ายโกว .... ซักที

Trip : October 2013
Xian - Louyang & Huang long - Jiu Zhai Gou


ย้อนความตามท้องเรื่อง [ส่งท้ายปีที่ซีอาน] เที่ยวซีอานอยู่ 2 วัน เช้าวันนี้เราก็ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่มืดเพื่อไปตามนัดที่สนามบิน เราจะไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกว หวงหลงกัน ให้รร.เรียกแท็กซี่ไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว ตกลงไว้ในราคา 150 หยวน รถมารอตั้งแต่ตีห้ากว่าๆ นั่งรถไปพอเคลิ้มๆ เราไปถึงสนามบินใกล้ 6 โมงเช้า เจอกับสมัครพรรคพวกอีก 4 ชีวิตที่นัดกันไว้จนได้ 4 คนนั่นมาถึงตอนดึกๆก็เลยตัดสินใจสิงเทอร์มินอลแทนที่จะเข้าไปนอนในเมือง เพราะกว่าจะเข้าไปกว่าจะนอนกว่าจะออกมา ไม่คุ้มทั้งเงินและเวลา จริงๆแล้วเราเห็นมีที่นอนเหมือนแคปซูลตรงทางเดินระหว่างเทอร์มินอลระหว่างประเทสกับในประเทศด้วย ไม่ได้ดูราคา แต่ 4 นั่นมันยอมนอนเก้าอี้เอา หนาวจะแย่ 555 เดินวนเวียนกันสักพักเคาเตอร์เช็คอิน MU ก็เปิด Flight ของเรา 7:50 ฟ้าเพิ่งเริ่มสาง อาหมวยเคาเตอร์หน้าตายังมึนๆอยู่เลย

Day 1 : จาก Shanxi ไป Sichuan


ทำการเช็คอินเรียบร้อยเครื่องออกตามเวลา เราบินข้ามจากมณฑลซ่านซี (Shanxi) ไปเสฉวน (Sichuan)ใช้เวลาบินประมาณชั่วโมงกว่าๆ มีตกหลุมอากาศให้พอใจหาย พี่สจ๊วตออกมาสาธิตการใช้ชูชีพซ้ำอีกรอบให้ตระหนกหนักเข้าไปอีก แต่ก็รอดมาได้ เครื่องลงจอดที่สนามบิน Jiuzhai Huanglong Airport มองลงไปเห็นหิมะบางๆตามสนามหญ้าก็พาให้ขนลุกล่วงหน้า นักท่องเที่ยวเยอะแยะคึกคัก เดินกันเป็นทิวแถว รับกระเป๋ากันปุ๊บปั๊บๆๆๆ ก็หายไปกันเกือบหมด เหลือพวกเรา 6 คนยังมัวแต่แต่งตัวเพิ่มอุปกรณ์กันหนาวกัน ส่วนเจ้ากุ้งผู้ซึ่งนับจากวันนี้เราขอฝากชีวิตไว้กับมันก็ออกไปติดต่อรถเช่าด้านนอก สักพักมันก็กลับมาพร้อมข่าวร้ายว่า ไม่ได้ว่ะ รถแท็กซี่ทุกเจ้าคิดราคามหาโหด อย่าไปคิดว่ามันจะให้ราคาตามป้ายที่การท่องเที่ยวติดไว้ สันดานเดียวกับแท็กซี่ไทย (เลวๆ) ไม่ได้การพวกเราช้ากว่าแผนการไปเยอะแล้ว ไอ้ครั้นเดินไปคุยกับคนขับรถตู้ที่มารับคนว่าพอมีเพื่อนขับรถแนะนำให้บ้างมั้ย ฮีก็อ้ำๆอึ้งๆเพราะอิมาเฟียแท็กซี่ตรงเข้ามารุมโวยวายทันที (ปล.เจ้ากุ้งมันพอสื่อสารภาษาจีนได้บ้าง เราถึงฝากชีวิตกับมันไงล่ะ อย่าหวังไปสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษเลยนะ) 

เจ๊ที่เคาเตอร์เช่ารถ
ขืนติดต่อหารถด้านนอกต่อไปนอกจากไม่ได้แล้วอาจโดนสั่งเก็บด้วย เลยเดินย้อนกลับเข้าด้านใน ไปลองติดต่อเคาเตอร์การท่องเที่ยวดู มีหมวยพูดอังกฤษได้ เจ้ากุ้งบอกจำนวนวัน และสอบถามราคา ต่อรองกันไปอีกพักใหญ่ แม้จะแพงกว่างบที่ประเมินไว้ แต่ก็ถูกกว่าด้านนอกพอควร เอาวะ แถมเจ๊แกก็รับประกันให้อย่างดี ไม่ใช่รถผีแน่นอน ตกลงกันเช่าเหมา 2 วัน 1,400 หยวน มีข้อแม้ว่าต้องไปปดูโชว์อะไรไม่รู้มันบอกคนขับขอร้อง อันนี้เราเข้าใจนะแต่พวกเราไม่อยากไปเลยบอกเอาเงินไปต่อรองอิเงินเสียเปล่านี่อีกพักนึงถึงยอมกันที่ 200 หยวน รวมเป็น 1,600 แล้วพาไปตามนี้เท่านั้นนะ > วันนี้ออกจากสนามบิน ไปมูหนี่โกว (Munigou) เดินเที่ยวเล่น แล้วขากลับมาแวะซงป้าน (Songpan) แล้วเข้ามานอนที่ชวนจู่ซื่อ (Chuanzhusi) / วันที่ 2  ออกจากชวนจู่ซื่อขึ้นไปหวงหลงเที่ยวเต็มวัน บ่ายแก่ไปส่งที่จิวจ้ายโก้ว < แม้ว่าเจ๊กับคนขับจะพยายามเชิญชวนให้เราไปหวงหลงวันนี้เลย เราก็ไม่ยอมเหอะ นี่จะบ่ายแล้วจะให้ไปหวงหลงตอนนี้จะบ้ารึ? เจ๊บอกว่าคนขับรถบอกว่าไปวันนี้ดีกว่า เผื่อพรุ่งนี้ขึ้นไม่ได้ อ้าว!!! เราบอกไม่ยอมเว๊ย เอาตามเราบอกนี่แหละ กว่าจะตกลงกันได้ปาไปเกือบ 11 โมงล่ะมั๊ง


รถมินิแวนนั่งได้ 6 คนพอดีๆ พร้อมยัดกระเป๋าเดินทาง 6 ใบออกเดินทางจนได้ในที่สุด อย่างแรกคือเข้าชวนจู่ซื่อไปหาข้าวกินก่อนหิวไส้จะขาด จากสนามบินเข้าเมืองก็แค่ 15-20 นาที คนขับก็ตามฟอร์มนะจะพาเข้าแต่ภัตตาคาร พวกเราบอกไม่กินๆไม่มีเงิน เอาเงินจ่ายค่ารถลื้อหมดแล้ว เลยเลือกเอาร้านบะหมี่ร้านนึง ก็กินได้แม้ป้าแกจะคิดราคานักท่องเที่ยวกับเราไปหน่อย พี่ใหญ่บ่นอุบเลย (บะหมี่น้ำ 18 หยวน ข้าวผัดพริกหยวกไก่ 25 หยวน) อิ่มดีแล้ว ก็ออกเดินทางไปมูหนี่โกวกัน ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง ข้าวย่อยหมดพอดี

Munigou Valley National Park นี่เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีจุดท่องเที่ยวหลายจุดอยู่ มีทั้งน้ำตก ทะเลสาป น้ำพุร้อน เยอะแยะมากมาย ที่ดังๆก็อย่างน้ำตกชากา (Zhaga waterfall) ที่รถพาเรามา อช.นี้จะมาทางรถก็มาได้ อยากเที่ยวตรงไหนก็ไปตรงทางเดินเข้าแล้วเดินเที่ยวเอา หรือไม่ก็เที่ยวแบบมันส์สุดๆคือการขี่ม้าจากเมืองซ่งพานมา (อันนี้เจ้านายคนจีนของเราแนะนำมา แต่เราไม่มีเวลาขนาดนั้น) ด้วยเวลาจำกัดแค่ช่วงบ่ายเราก็เลยไปแค่น้ำตก เสียค่าเข้าคนละ 75 หยวน ทางเดินเป็นทางอย่างดี เดินไปได้เรื่อย หนาวยะเยือกพอควร วันนี้มีฝนลงปรอยๆฟ้าเลยอึนๆ แต่ก็ได้บรรยากาศป่าดิบๆชื้นๆดี ที่ตลกปนปาดเหงื่อคือ เมื่อลงจากรถแล้วก็นัดกับคนขับว่าอีกสัก 1-2 ชม.จะกลับมาขึ้นรถนะ ปรากฏว่าทางเดินมันเดินไปออกอีกทางได้ แต่เดาเอาว่านักท่องเที่ยวทั่วไปคงเดินเข้าดูน้ำตกแล้วเดินกลับออกมาทางเดิม พวกเราคิดเอาว่ามันคงเป็นวงรอบ เลยเดินไปจนถึงทางออกซึ่งเป็นทางขึ้นชันเชียวนะ ขึ้นมาก็งง เฮ้ย...ไม่ใช่จุดจอดเดิมนี่หว่า ดีที่มันเป็นการเดินย้อนมา เพราะคนที่ไม่หลับบอกว่าเห็นจุดจอดนี้แล้วเพราะรถวิ่งผ่านไปจอดลานโน้น ไม่ไกลกันนัก เลยได้อาสาสมัครเดินตามถนนย้อนขึ้นไปเรียกคนขับเอารถมารับได้ กร๊ากกก



บ่ายแก่ๆก็ย้อนกลับทางเดิมมาแวะที่เมืองซ่งพาน  แวะเดินชมเมืองเก่า ซึ่งมันก็เปลี่ยนไปเยอะแล้ว (เจ้านายคนจีนบอกไว้ก่อนมา เพราะแกเคยมาหลายครั้งแล้ว) เดินผ่านกำแพงเมืองเข้าไปก็เป็นเมืองแกล้งเก่าจริงๆแหละ สร้างมาเพื่อเป็นที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะเลยแหละนะ แต่ก็เดินชมร้านรวงไปเรื่อยจนสุดทางก็รีบกลับมาขึ้นรถ เพราะเรายังไม่มีที่นอนกันเลยคืนนี้ ต้องไปวนหาที่พักอีก คนขับพาซิ่งกลับมาถึงชวนจู่ซื่อได้เวลามืดพอดี วนหาที่พักอยู่ 3-4 ที่ ไอ้ที่ถูกๆก็เต็มๆไอ้ที่ว่างก็แพงเกิน แค่นอนไม่กี่ชั่วโมงแถมมันคงหรูไม่สมราคาด้วยซ้ำกับเมืองอย่างนี้ สุดท้ายก็มาจบที่รร.ห้องละ 150 หยวน สภาพแบบรร.ชนบททั่วไป พอนอนได้ นัดแนะพี่คนขับบอกมารับหกโมงเช้านะจะรีบไปขึ้นหวงหลงจะได้มีเวลาเดินเยอะๆ 

เมืองโบราณซ่งพาน (Songpan Ancient Town)
เอาของเข้าห้องแล้วเดินกันออกมาหาของกินกันแบบหนาวๆ เดินๆมองๆไปเรื่อยเลือกมาได้ร้านนึงเห็นคนเยอะๆ เข้าไปฝากท้องกับเจ้ากุ้งตามระเบียบ มันก็ไปสั่งๆๆส่วนมากเป็นผัดผัก ต้มซุป ผัดโน่นนี่ (จากวันนี้อาหารคล้ายๆกันทุกวันแหละ) จัดการกันอิ่มแปร้ก็เดินกลับรร.ระหว่างทางก็แวะซุปเปอร์ซื้อเสบียงตามแต่ชอบ แถมได้เสื้อหนาวเท่ห์ๆสีสดใสในราคา 90 หยวนมาคนละตัว มันจะถูกอะไรขนาดนี้วะ แต่....อิแบบเดียวกันนี่ ที่รร.มีร้านขายมันขายตัวละ 70 หยวนเองเหอะ คุณแฟนเลยสอยมาบ้างตอนเช้า

Day 2 : หวงหลง.... คงต้องมาซ้ำ

ตื่นเช้ามาจัดการอาหารเช้ากันตามสะดวก นั่นคือมาม่าที่ซื้อมาเมื่อคืน บวกกาแฟซอง ลงมาเดินวนไปมารถไม่มาสักที รถมาเอาเจ็ดโมงกว่าโน่น เตรียมโวยแระ แต่สักถามกันไปมาได้ความว่าเป็นปัญหาทางภาษานั่นเอง จำไม่ได้ล่ะ เจ้ากุ้งออกเสียงว่ายังไงคนขับถึงคิดว่านัดแปดโมง เอาล่ะไม่เป็นไรออกเดินทางกันเถอะ


สอบถามคนขับว่าสภาพอากาศเป็นยังไงวันนี้ ขึ้นหวงหลงได้มั้ย ฮีบอกได้ๆ โอเคๆๆ จากชวนจู่ซื่อ ขับมาไม่นานก็พ้นเขตเมืองแล้ว จากนั้นก็เริ่มขึ้นเขา วิวสวยงามดี มีหิมะเป็นระยะๆ ยิ่งขึ้นสูงหิมะก็เริ่มลงประปราย ทางคงจะลื่นพี่คนขับเลยต้องจอดเอาโซ่พันล้อ ขับขึ้นเขาเลี้ยวไปเลี้ยวมาสักชั่วโมงนึงก็มีจุดพักรถที่ใครๆก็จอด เพราะทำทางเดินชมวิวไว้ มีธงปลิวไสวสวยงาม มีห้องน้ำ มีไข่ปิ้ง เนื้อย่าง เป็นจุดพักที่ควรแวะ เผื่อใครจะอ้วกด้วย แวะถ่ายรูปกันสักพัก ก็ออกเดินทางต่อ


สิริรวม 2 ชั่วโมงก็ถึง จุดที่รถจอดที่แรกคือเราต้องลงไปซื้อตั๋วเข้าและตั๋วรถกระเช้า จากตรงนี้ต้องเดินไปที่จุดขึ้นกระเช้าอีกสัก 2-300 เมตร แต่พี่คนขับบริการดีเริ่ด ขับพาเราไปส่งแทบอุ้ม จริงๆแล้วทางขึ้นเที่ยวหวงหลงมี 2 แบบคือ เดินขึ้น หรือนั่งกระเช้าขึ้น ถ้าอยากซึมซับบรรยากาศและอึดพอบวกประหยัดเงินก็เดินเอา ซึ่งเริ่มเดินจากจุดที่ซื้อตั๋วได้เลย แต่พวกเราถึงจะงกขนาดไหนแต่สังขารก็ไม่ให้ ฮ่าๆๆๆ เลยเลือกนั่งกระเช้าขึ้นไปแล้วเดินลง

เริ่มขึ้นกระเช้าไปแต่เช้าๆอย่างนี้คนยังไม่มากเท่าไหร่ ขึ้นไปถึงด้านบนก็เริ่มเดินกันเลย ทางเดินปูไม้อย่างดี เดินผ่านป่าสนร่มครึ้มหนาวเยือก ไม่มีวิวอะไรให้ดู เดินชิลๆไปสักพัก จะโผล่มาระเบียงกว้างสำหรับชมวิว แต่วันที่เราไปวิวมันขาวจั๊วะ มองเห็นแค่ระยะ 1 แขนยื่น เดินไปหิมะก็ลงเป็นระยะๆ

โผล่ออกมาถึงทางโล่งๆเริ่มมองเห็นวิวรอบด้านแบบขาวๆเย็นๆ แล้วก็มาถึงจุดที่ต้องหอบแฮ่ก เพราะจากนี้ต้องเดินขึ้นหยุดพักมองขึ้นไปตามทางเดิน คนเยอะเพราะเดินช้า เพราะบนนี้มันสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3,576 ม. การเดินขึ้นบันไดแต่ละก้าวมันเหนื่อยสิ้นดี มองๆแล้ว ด้วยความเก๋าของเราเลยเลือกเดินไปทางขวาแทนเพื่อเดินอ้อมขึ้นด้านขวา (ทางเดินวนได้เป็นวงกลม) คนส่วนมากเดินขึ้นซ้ายลงขวา คนเลยเยอะ รวมจากคนที่เดินขึ้นมาจากด้านล่างก็จะมารวมกันตรงจุดนี้ด้วย อย่ากระนั้นเลย เราไปขวากันเถิด อ่อ หมู่เรา 6 คนแยกเป็น 3 คู่นานแล้ว เพราะเดินเร็วช้าต่างกัน ถ่ายรูปเร็วช้าก็ต่างกัน เรา 2 คนเดินเท่ห์ไปทางขวาที่คนน้อยกว่า เริ่มเดินขึ้น โอ้ซซซซ.... มันเหนื่อยมาก ควรมีอ็อกซิเจนพกพาไปก็ดี แต่เราก็อาศัยเดินช้าๆสูดหายใจลึกๆจิบน้ำบ่อยๆเอา ขึ้นมาถึงกลางทางเป็นลานวัด ให้ได้นั่งพัก มีศูนย์พยาบาลมีอ็อกซิเจนให้ซื้อสูบๆดูดๆ มีของกินขายเล็กๆน้อยๆ แต่เรากินไม่ลงหรอก แค่พักเหนื่อย แล้วก็ออกเดินต่อ สุดท้ายก็ถึงด้านบนสุด ไอ้ภาพสวยๆที่เคยเห็นมันเป็นภาพฝัน เพราะต้องไปฝันเอาเอง ก็วันนี้มันหิมะลง ฟ้าปิดสนิท ขาวโพลน เก็บภาพเท่าที่คิดได้ จนพอใจก็เดินต่อไปแล้ววนลง เจอกับอีก 2 คู่ ที่เพิ่งเดินขึ้นมา ลงมาสุดทาง ก็พบว่าด้านที่เราขึ้นมันชันกว่า มิน่าล่ะคนเลยขึ้นทางนี้แต่ลงทางโน้น กร๊ากกกกก


ดูเวลาจากเวลาขึ้นกระเช้ามาถึงด้านบน เดินมาจนวนขึ้นบนสุดลงมาถึงจุดนี้ก็ 4 ชั่วโมงพอดี ก็ประมาณบ่าย 2 แล้ว หมดแรงจริงๆตอนนี้ เดินต่ออีกหน่อยเป็นทางลงแล้วสบายหน่อยจะเจอร้านอาหารที่พอแวะหาอะไรรองท้องได้บ้าง เข้าไปเล็งๆแล้วมันก็มีแต่อาหารสำเร็จรูป เราจึงเลือกอาหารเหลานั่นคือมาม่ากระป๋อง ได้กินมาม่าร้อนๆมันรู้สึกดีจริงๆ พอแรงกลับมาดูเวลาก็รีบเดินลงต่อล่ะ ทางที่เราลงเป็นทางเดียวกับที่พวกคนอึดๆเดินขึ้น เวลายามนี้จึงเนืองแน่นมากๆๆๆ เพราะคนลงพร้อมกันก็เยอะ คนขึ้นก็ยังมี อารมณ์เหมือนเดินเที่ยวในจตุจักร แถมอาซิ้มอาซ้ออาเจ๊อาเฮียก็เดินโหวกเหวกโวยวายแวะถ่ายรูปวุ่นวายในทางเดินแคบๆ เราก็มีแวะถ่ายรูปบ้างบางจุดที่สวยๆ เดินลงมาเรื่อยๆๆๆ ทำไมไม่ถึงเสียทีวะ ขนาดเป็นทางลงนะเนี่ย จนใกล้จะถึงทางออกก็เจอกะเฮียคนขับที่สวนทางเข้ามา ฮีคงเป็นกังวลเพราะเลยเวลานัดมากว่าชั่วโมงแล้ว เราออกมาถึงทางออกเอาตอนสี่โมงครึ่งเกือบห้าโมงได้ กว่าจะรอครบคน ได้ออกจากหวงหลงก็ห้าโมงกว่า ผิดแผนไปเกือบ 2 ชั่วโมง!!! เรายังต้องนั่งรถยาวไปอีก 3-4 ชั่วโมงเชียวนะ!! แถมยังไม่มีที่นอนเหมือนเดิม!!!


คำร่ำลือว่าทางไปจิวจ้ายโก้วนั้นคดเคี้ยวน่ากลัวและอันตราย ทำให้เรากังวลเล็กน้อย แต่ทางกลับไม่น่ากลัวและไม่อันตรายมากเท่าที่คิด อาจเป็นเพราะมีการปรับปรุงทางและขยายขอบทางแล้ว และยังโชคดีที่อากาศไม่แย่นักหิมะไม่ตกหมอกไม่ลงจัด เราเลยไปถึงจิวจ้ายโก้วได้ก่อนสามทุ่ม จัดการวนหาที่พักได้ในราคา 180 หยวนต่อห้องต่อคืน เฮียคนขับเรียบร้อยดีและไม่บ่นเลยที่ทำให้แกต้องขับรถเลยเวลามาเยอะเลยจัดทิปให้พี่แกไปอีก 100 หยวน ร่ำลาจากกันเสียที

เจ้าของที่พักแนะนำร้านอาหารใกล้ๆให้ พวกเราเดินเข้าไปดู อาหารดูน่ากินและราคาไม่โหดร้ายเลยจัดการซะเต็มอิ่ม หิวโหยกันเต็มที่ กลับห้องนอนเพื่อที่จะแหกขี้ตาไปเข้าจิวจ้ายโก้วแต่เช้าๆ วันนี้สลบเหมือด

Day 3 : จิวจ่ายโก้ววันแรก

ตั้งเป้ากันไว้ว่าจะเข้าอุทยานตั้งแต่เปิดคือประมาณ 7 โมงเช้า เลยต้องตื่นกันแต่ 6 โมงเช้า รอกันครบแล้วก็เดินออกมาหาเรียกรถแท็กซี่ จากที่ทราบมาราคาค่ารถไปส่งหน้าอุทยานไม่เกิน 10 หยวน เพราะไม่ไกล รอแท็กซี่ยามเช้ามืดไม่เห็นมีมา มีแต่รถเก๋งธรรมดามาเปิดกระจกถาม เจ้ากุ้งไปถามไถ่ได้ความว่า 10 หยวนนั่นแหละ อารมณ์แท็กซี่ป้ายดำ หรือไม่ก็จะไปทำงานแต่แวะรับลูกค้าสัก 10 หยวนหาลำไพ่พิเศษ เออ...ก็แปลกดี มาถึงหน้าอุทยานก่อนเจ็ดโมง เข้าไปซื้อตั๋วคนละ 310 หยวน พร้อมแล้ว ตื่นเต้นๆ อยากรู้ว่าจะสวยสมราคาคุยมั้ย แถมพลาดแสงงามที่หวงหลงมาด้วย เริ่มมีคนมาต่อแถวกันเข้าแล้ว พอเปิดให้เข้า อาซ้ออาซิ้มอาเฮียก็เบียดๆเหมือนเดิม แม้ทุกคนจะเดินตามช่องกั้นอยู่แล้วก็ตาม จะดันกันทำไมไม่รู้จริงๆ พอเข้ามาได้ทุกคนก้กรูกันไปขึ้นรถบัสที่จะพาเข้าไปในเขตอุทยานอีกที 

อุทยานจิวจ้ายโกวนี่มีเส้นทางท่องเที่ยวเปรียบเหมือนตัว Y เรานั่งรถบัสจากปลายขาล่างขึ้นไปถึงสามแยก ซึ่งเป็นสถานีใหญ่มีอาคารนักท่องเที่ยวให้พัก ซื้อของ ซื้ออาหารได้ และเป็นที่ขึ้นรถบัสเปลี่ยนเส้นทางจะไปขาซ้ายขาขวาของตัว Y เรายังไม่ลงเพราะรถคันนี้วิ่งตรงไปขาขวาเลย (ตอนจะขึ้นก็ดูรถด้วย มันมีป้ายบอกว่าแถวที่เราขึ้นรถจะไปไหน ดูชื่อเทียบกับจุดเที่ยวที่เราจะไป เช่นคันนี้บอกว่าผ่าน Mirror Lake แสดงว่าวิ่งไปทางขาขวา เราก็ลงตรง Mirror Lake นั่นแหละ จุดนี้นักท่องเที่ยวชอบลงกันเยอะ เพราะเป็นจุดขึ้นชื่อพอสมควร


การเที่ยวในอุทยานคือการนั่งรถบัสที่อุทยานจัดเตรียมมาให้เป็นรถแบบไร้มลพิษ วิ่งวันทั้งวันตั้งแต่เช้าจนถึงหกโมงเย็น ซึ่งการวางแผนเที่ยวคุณควรศึกษาแผนที่การเดินรถเพราะจุดจอดขาขึ้นขาลงจะไม่เหมือนกัน มันไม่ได้จอดทุกจุด อย่างเช้น Mirror Lake มันจะจอดขาขึ้น คุณลงมาเที่ยวแล้วก็ออกมายืนรอคันต่อไปจุดจอดต่อไปคือ Bamboo Lake แต่ถ้าคุณจะเที่ยว Panda Lake แบบลงแล้วเดินใกล้ๆ คุณต้องขึ้นไปด้านบนก่อนแล้วนั่งรถขาลง เป็นต้น แต่จะบอกว่าถ้ามีเวลา ก็ลงจุดนึงแล้วเดินๆๆๆ เลาะทะเลสาปไปเรื่อยไปโผล่อีกจุดอะไรแบบนี้ จะมีมุมถ่ายรูปสวยๆตลอดทาง บางจุดก็เดินตัดเข้าป่าไปบ้างไปชมน้ำตกไรงี้ ทางเดินเค้าจัดทำอย่างดี ป้ายบอกทางเพียบ ไม่มีหลง ดังนั้นถ้าอยากเที่ยวให้ได้ทั่วๆต้องมี 2 วันเต็มๆ ประกอบกับการวางแผนดีๆ ว่าจะขึ้นรถจุดไหนลงจุดไหนเดินตรงไหน รับรองไปได้ทั่ว


ระหว่างทางเจอเวดดิ้งสตูดิโอพาบ่าวสาวมาถ่ายรูปหลายคู่เลย คอยเล็งพวกนี้ไว้จะได้มุมสวยๆแล้วพวกนี้แหวกคนเก่งมาก คนจีนก็ดีอย่างพอพวกนี้มากั้นมาแหวกก็ไม่โวยวายนะ รอจังหวะเค้าพักมาซับมันเติมแป้ง คุณก็จะได้ถ่ายภาพวิวสวยๆโดยไม่มีซิ้มบัง ฮ่าๆๆๆ 

คนไทยเที่ยวเยอะจนป้ายมีภาษาไทย
แม้เราจะวางแผนดีขนาดไหนก็ยังพลาด เพราะงงกับอิรถบัสอุทยานพอสมควร ทำให้เก็บตัว Y ขาขวาไม่ครบในวันแรก คือเราลงที่ Mirror Lake จุดแรก ถ่ายรูปเสร็จก็ขึ้นรถต่อไปลงที่ Bamboo Lake จากนั้นเดินเที่ยวยาวย้อนลงมาถึง Pearl Lake โดยตัดเข้าไปเดินด้านในเที่ยวน้ำตก ถ่ายรูปทะเลสาปมุมต่างๆ ออกมารอรถขาขึ้นอีกทีไปลงสุดทางที่ Virgin Forest ไปชมวิวภูเขาหิมะ ซึ่งมีทางเดินเที่ยวชมป่าได้ แต่เดินเข้าไปนิดเดียวคิดไปคิดมามันไปกลับ 2-3 กิโลแถมเป็นทางเขา และทริปนี้ก็ไม่ได้จะเน้นป่าอยากชมทะเลสาปมากกว่า เลยไม่ไปต่อล่ะ 

มารอรถขาลงเพื่อไปลงตรง Swan Lake แต่มันไม่ยอมจอดวุ้ย เลยพลาดไป ย้อนยาก เลยไปแวะลงตรง Panda Lake อีกรอบ ที่ลงอีกรอบเพราะตอนนั่งรถลงมามองเห็นมุมสูงจากบนรถว่าเห็นทะเลสาปงามมากแถมฟ้าเริ่มเปิดแล้วด้วย ลงรถแล้วต้องเดินไต่บันไดขึ้นไปจุดชมวิวด้านบนลิ้นห้อยเล็กๆ แต่ขึ้นมาก็ถ่ายได้วิวงามอยู่ ตอนนี้ก็เย็นย่ำพอสมควร ตรงระเบียงชมวิวมุมสูงนี่เป็นทางโค้งลงเขาด้วย แต่ด้วยว่าเวลาเย็นๆอย่างนี้ (คือสี่โมงกว่าแล้วนะ) รถขาลงบางทีก็จอดลงมากวาดต้อนคนเหมือนกัน เพราะยิ่งเย็นรถยิ่งน้อย เย็นๆจะมีจนท.คอยลงมาตรวจตราตามจุดต่างๆเยอะ เห็นนักท่องเที่ยวบางคนได้ขึ้นรถขาลงจากตรงนี้เลย เราเลยมองตาละห้อย เพราะขี้เกียจไต่ลงไปจุดจอดรถด้านล่างอีก มีนักท่องเที่ยวโบกรถคันต่อไป รถทำท่าเหมือนจะไม่จอด แต่จนท.ที่มาคอยตรวจตรายามเย็นเป่านกหวีดปรี๊ดๆๆๆ เรียกรถหน้าตาขึงขัง ประมาณว่าจอดๆๆ เอาอิพวกนี้ลงไปที พร้อมกับไล่กวาดคนที่ถ่ายรูปให้ขึ้นรถไล่ลงๆๆๆๆ โชคดีไปเรา ฮ่าๆๆๆ

ไต่บันไดขึ้นมาเพื่อมุมนี้
ขึ้นมาแล้วรถวิ่งผ่านสามแยกลงขาตัว Y ไปสักครึ่งทาง เจอจุดจอดที่แสนคึกคักเพราะเป็นชุมชนชู่เฉิง (Shuzhen Village) นักท่องเที่ยวลงที่นี่เยอะมาก มากแบบจตุจักร เพราะด้านขวาของถนนเป็นน้ำตกใหญ่ ยืนถ่ายรูปจากด้านบนก็ได้ เดินลงไปใกล้ก็ได้ ส่วนอีกฝั่งเป็นหมู่บ้านมีร้านขายของเพียบ เรียกว่าจุดดักนักท่องเที่ยวก็ไม่ผิดล่ะ เราจึงขอตามเค้าลงมาด้วย ลงมาเจอ 3 สมาชิกเดินเล่นอยู่เหมือนกัน ขาดแต่เจ้ากุ้ง ไม่มีใครเจอ พี่ใหญ่บอกว่าไม่รู้ไปหลงกันตรงไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ เดินเล่นถ่ายรูปอีกพักก็นั่งบัสออกมา มองไปตามทุ่งหญ้าขางทางตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้จะลงเดินเล่นแถวนี้ให้ได้ ออกมาถึงทางออกนั่งรวมพลรอเจ้ากุ้งตามจุดนัด มืดพอดี เจ้ากุ้งก็เดินตะคุ่มๆมา ฮ่าๆๆๆ พวกเราเข้าตอนเปิด ออกตอนปิดตามที่คิดจริงๆ  นั่งแท็กซี่กลับที่พัก 10 หยวนเท่าเดิม พรุ่งนี้นัดกันเหมือนเดิม

Day 4 : เก็บตกจิวจ่ายโก้วอีกวัน

เช้านี้เราลงมาเลือกซื้อเสบียงที่ร้านโชห่วยหน้าที่พักก่อน เมื่อวานพกไปแต่ข้าวมือถือที่หิ้วไปจากไทยกับขนมปัง 2-3 ชิ้น แกะข้าวมือถือกินตรงใกล้ๆทะเลสาปแพนด้าเพราะบ่ายแล้วยังไม่เจอที่ขายอาหาร ก็กินเอาพลังประทังชีวิตได้ แต่มันแหยะๆ กว่าจะไปเจอของกินได้ก็ตอนเลยน้ำตกเพิร์ลไปแล้ว มีร้านขายอาหารสำเร็จรูปก็จัดมาม่ากระป๋องไป รอดชีวิตไปได้ ระหว่างที่นั่งกินข้าวมองไปรอบๆคนจีนส่วนมากเตรียมอาหารมาปิ๊กนิก ว่าไม่ได้เพราะเค้าคนท้องถิ่นนะ แต่บางคนก็กินอาหารสำเร็จรูปเป็นข้าวกล่องแดงๆที่เราเห็นมาหลายที่แล้ว แต่วันนี้ตรงริมทะเลสาปแพนด้า เห็นจะๆมันร้อนควันขึ้นเลย มันทำยังไงวะ ตรงนั้นก็ไม่เห็นมีร้านให้มันเอาไปเวฟ หรือมันจะหล่อน้ำร้อนหรือยังไงวะ เช้านี้มาเจอในร้านโชห่วยนี่แหละ ดูจากรูปแล้วมัน Self heating!!! แม่เจ้า ต้องลอง ต้องจัด เลยสอยมาคนละกล่อง พร้อมขนมและน้ำ เพราะมันถูกว่าซื้อข้างในเท่าตัว

การเดินทางเหมือนเดิม ป้ายดำพาไป 10 หยวน ซื้อตั๋วอีก 310 หยวนเข้าวันที่ 2 วันนี้พวกเราลงที่จุดสามแยกตัว Y เพื่อเก็บภาพน้ำตกนูรื่อหรางก่อนเลย เพราะเช้าๆรถรอบแรกนี่คนยังน้อย ถ่ายภาพได้หน่อย ถ้าสายแล้วคนเป็นหนอน เน้นว่าหนอน!! ถ่ายภาพกันจนหนำใจจากนั้นก็แยกกัน 3 คู่แต่ต้นทางนี่เลย ใครอยากไปไหนไป เก็บตกอะไรเชิญ เจอกันเมื่ออุทยานปิดเหมือนเคย


เราขอขึ้นไปเก็บตกขาขวาก่อน นั่งรถไปสุดทางที่ Virgin Forest จากนั้นก็เดินไล่ลงมาเรื่อยๆมาถึง Grass Lake, Swan Lake วันนี้ฟ้าเปิดแต่เช้าเลยดีจัง เดินทักทายเป็ดหัวเขียวมาจนถึง Swan Lake ก็ออกมารอรถเพื่อไปลงสามแยกตัว Y เพื่อต่อรถไปขาข้างซ้าย จุดท่องเที่ยวฝั่งนี้น้อยกว่าฝั่งขวา ช่วงแรกๆไม่มีจุดให้ลงต้องนั่งไปจนสุดทางถึง Long Lake ลงมาเจอนักท่องเที่ยวมหาศาลเพราะจะเที่ยงแล้ว จุดนี้มีที่ขายของขายอาหาร มีที่ให้เช่าชุดถ่ายรูปด้วย เลยแค่เดินผ่านๆ เพื่อไปจุดเด็ดอีกอัน Five Colour Pool ระหว่างทางเจอจุดที่คนนั่งปิ๊กนิกกัน เพราะเป็นเวลากินข้าว เลยเดินสำรวจดู มีคนกินข้าวกล่องแบบที่เราซื้อมาหลายคน คนจีนบางคนมันก็ทำไม่เป็นเหมือนกันล่ะวะ เจอคนทำเป็นเลยยืนดูวิธีจนเข้าใจ ว๊าวววว มันยอดไปเลยว่ะ เดี๋ยวลองทำดู ไปเที่ยวทะเลสาปก่อน

เดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆทางเริ่มแคบลงเป็นบันได ไม่ต้องกลัวล้มเพราะไหลไปตามกระแสคน แม่เจ้า! ไหลจริงๆ คนเต็มพื้นที่เดินตามๆกันลงไปจนถึงทะเลสาป สีมันเขียวใสสวยดีจริง แต่ถ่ายรูปยากโคตรเพราะคนกลายเป็นหนอน ซิ้มซ้ออาฮ้ออาเฮียเบียดเสียดยัดเยียดกันถ่ายรูป เราก็เล็งๆมุมถ่ายไปเรื่อยเจอเจ้ากุ้งกับพี่ใหญ่ที่นี่เอง ต่างคนต่างบ่นกลัวหนอนจีน แล้วก็แยกกัน เราปีนขึ้นด้านบนไปถ่ายภาพมุมสูง คนด้านล่างเริ่มซา จึงเดินลงเพื่อไปขึ้นรถ ออกไปถึงจุดรอรถ ตกใจอีกรอบ หนอนครับหนอน หนอนเบียดกันขึ้นรถ ขนลุกมาก เลยยอมแพ้ เดินเลยไปหาที่สงบๆอุ่นข้าวกิน ทำตามวิธีที่ดูมาและดูรูปคำแนะนำประกอบ โอ้โห...มันร้อนจริงๆวุ้ย กินข้าวต่อด้วยส้มโอจีนที่เจ้ากุ้งซื้อเมื่อคืนแล้วแบ่งซีกมาให้ล้างปากสบายใจ เดินกลับไปจุดรอรถ ค่อยยังชั่ว หนอนหายหมดแล้ว 


นั่งรถกลับลงมา จนก่อนจะถึงสามแยกตัว Y จะมีวัดอยู่ข้างทาง สวยงามดี เลยลงมาเดินเล่นตรง Zechawa Village มีร้านขายของฝาก มีร้านอาหาร จากนี้เดินไปไปได้ถึงสามแยกตัว Y ได้เลย จากนั้นต่อรถกลับไปสามแยก แล้วทำไมถึงนั่งรถไปแพนด้าเลคอีกก็ไม่รู้จำไม่ได้ คราวนี้เดินเข้าด้านใน เดินยาวลงมาถึงน้ำตกนูรื่อหรางเลย ไม่ค่อยมีอะไรเด่นเท่าไหร่นัก เดินเล่นเพลินๆได้ เดินไม่ยากอะไร แต่ก็ไกลอยู่ขาเริ่มลากแล้ววันนี้ โผล่ออกมาจนได้ รอขึ้นรถขาออกมาตามขาตัว Y เราเล็งจุดถ่ายรูปไว้จุดหนึ่งตรงแถบ Tiger Lake เล็งตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว มีทะเลสาปกับหุบเขาด้านหลัง แสงตอนเช้าสวยแต่ไม่ได้ลงเพราะจะไปน้ำตก เวลามีแค่ 2 วันเลือกไม่ได้นะ ถ่ายรูปวิวที่ตั้งใจแล้วก็เดินเรื่อยๆลงไปตามขาตัว Y ถ่ายน้ำตกไปตามทาง เดินไปจนถึงจุดจอดรถดักนักท่องเที่ยวเมื่อวานเลย เสียดายเวลาน้อยไปหน่อยมาถึงน้ำตกแถวนี้มันเย็นไปหน่อย เลยเดินชิลมากไม่ได้


เพราะเราเล็งทุ่งหญ้า Reed Lake ไว้ตั้งแต่เมื่อวานต้องไปแวะให้ได้ เลยรีบต่อรถไปลงแถบนั้นแต่มันไม่มีจุดจอดรถเลยต้องลงไกลหน่อย แล้วเดินย้อนไป ยังมีผู้คนเดินสวนกันไปมาพอควร แม้จะ 5 โมงเย็นแล้ว ถ่ายรูปทุ่งหญ้าสีเหลืองกับแสงเย็นจนแสงเริ่มจะหมด ก็รีบเดินกลับไปที่จุดจอดรถ ดันสวนกับเจ้ากุ้ง,พี่ใหญ่อีก เราว่าเราช้าแล้ว 2 คนนี่ยังรั้งท้าย สบายใจ ฮ่าๆๆๆ สุดท้ายก็ออกมารวมพลกันมืดอีกจนได้ กลับถึงที่พัก ให้เจ้ากุ้งช่วยบอกกับเจ้าของที่พักว่าติดต่อแท็กซี่ให้หน่อย พรุ่งนี้เช้าเราต้องกลับไปที่สนามบิน Jiu-Huang เพื่อขึ้นเครื่องกลับซีอานแต่เช้า (ตอนแรกกะว่าจะกลับไปนอนชวนจู่ซื่อคืนนี้ แต่พอดูทางขามาแล้วมันไม่เท่าไหร่ ออกเช้าก็ได้ ออกเร็วหน่อยเผื่อเวลาไว้ ถ้ากลับไปคืนนี้ก็มืดเหมือนกันเหนื่อยด้วยแถมต้องไปนอนกัน 2 คน ไม่มีเจ้ากุ้ง เราก็เป็นใบ้เลยเหอะ แหะๆ) นัดแนะแท็กซี่ไว้ตีห้า กว่าจะมาจะได้ออกเดินทางก็ตีห้าครึ่ง ไปถึงสนามบินเจ็ดโมงนิดๆ เหลือเวลาเช็คอินเหลือเฟือ ราคามาตรฐาน 200 หยวน ส่วนการบินกลับซีอานเกิดวิบากกรรม ไปตามอ่านในเรื่องซีอานแล้วกัน.... 

จบการเที่ยวมูนี่โกว – หวงหลง – จิวจ้ายโกว ในเวลา 4 วัน เต็มๆ เหนื่อยๆ เมื่อยๆ มันส์ๆ



วันรุ่งขึ้นก็บินกลับไปเก็บตกซีอานต่ออีก 1 วัน ตามไปอ่านได้ที่เรื่อง [ส่งท้ายปีที่ซีอาน

O Travel Tips O


@ หวงหลง เข้าไปดูรายละเอียดได้ จะได้ประเมินสภาพตัวเองก่อนไป > Huanglong Scenic Area

@ จิวจ่ายโก้ว ดูรายละเอียดจากเวปนี้ละเอียดดีมาก เราก็ศึกษาจากเวปนี้แหละ http://travelbymyself.com/node/102


สรุปคร่าวๆ การท่องเที่ยวแบ่งเป็น 3 ส่วน ตามแผนที่ๆเป็นรูปตัว Y ข้างบน

The Zechawa Gully (则查洼沟, Zécháwā Gōu) : หุบเขา Zechawa อยู่ขาซ้ายของตัว Y
จุดท่องเที่ยว:
  • Long Lake (长海, Cháng Hǎi), 
  • Five-Color Pond (五彩池, Wǔcǎi Chí), 
  • The Seasonal Lakes (季节海, Jìjié Hǎi)
Rize Valley (日则沟, Rìzé Gōu) : หุบเขา Rize อยู่ขาขวาของแผนที่ตัว Y จะเป็นด้านที่มีจุดท่องเที่ยวเยอะที่สุด
จุดท่องเที่ยว:
  • The Primeval Forest (原始森林 Yuánshǐ Sēnlín), Sword Rock (剑岩 Jiàn Yán).
  • Swan Lake (天鹅海, Tiān'é Hǎi) 
  • Grass Lake (草海, Cǎo Hǎi) 
  • Arrow Bamboo Lake (箭竹海, Jiànzhú Hǎi)
  • Panda Lake (熊猫海, Xióngmāo Hǎi) 
  • Five Flower Lake (五花海, Wǔhuā Hǎi) 
  • Pearl Shoal (珍珠滩, Zhēnzhū Tān), the famous Pearl Waterfalls
  • Mirror Lake (镜海, Jìng Hǎi) 
Shuzheng Valley (树正沟, Shùzhèng Gōu) : หุบเขา Shuzheng เป็นช่วงกลางด้านล่าง หรือ ขาตัว Y
จุดท่องเที่ยว :
  • Nuorilang Falls (诺日朗瀑布, Nuòrìlǎng Pùbù)
  • Nuorilang Lakes (诺日朗群海, Nuòrìlǎng Qúnhǎi) and
  • Shuzheng Lakes (树正群海 Shùzhèng Qúnhǎi) 
  • Rhinoceros Lake, Unknown, and Tiger lakes
  • Sleeping Dragon Lake (卧龙海, Wòlóng Hǎi) 
  • Reed Lake (芦苇海, Lúwěi Hǎi)

# อาหารหน้าตาประมาณนี้ ไม่ถูกแต่ก็ไม่แพง (เฉลี่ย 5-6 อย่างต่อมื้อสำหรับ 6 คน ประมาณ 250 หยวน) ผัดต่างๆโอเคอยู่รดชาติไม่จืดชืด แต่ต้มซุปนี่บางซุปจืดเหมือนน้ำเปล่า แต่อันที่ออกเผ็ดหน่อยก็พอกินได้ พวกไม้ๆคือแกะย่าง ก็อร่อยดีไม่เหม็นเพราะพอกเครื่องเทศเยอะอยู่


พูดถึงข้าวกล่องอุ่นเองของจีนกัน กล่องสีแดงๆมีรูปกับข้าวข้างบนเลือกได้ มีหลายอย่างอยู่ ผัดเผ็ด ผัดเปรี้ยวหวาน เป็ด ไก่ หมู อะไรก็เลือกไป ขั้นตอนก็ทำตามรูปหลังฝากล่อง มันร้อนได้ใจดีเลยนะ คาดว่าน่าจะเป็นปฏิกริยาของแมกนีเซียมในซองเมื่อโดนน้ำจะให้ความร้อนมามากพอจะอุ่นอาหารได้ ไม่แน่ใจว่าควันที่ออกมาจะเป็นพิษมั้ย หรืออาหารที่อุ่นแบบนี้จะเป็นพิษมั้ย แต่เราก็กินแค่ครั้งเดียวอ่ะนะ...



No comments:

Post a Comment