Jul 28, 2013

มาเลเซีย 3 วันเหนือยันใต้


Trip: April 2013

อยู่ดีๆพี่ท่านก็บอกว่าไปเที่ยวมาเลย์กันเถอะ ไปมะละกากัน ห้ะ...บอกวันจันทร์แล้วบอกไปวันศุกร์เลย ห้ะ....แม้ว่ามะละกาเป็นที่ๆเราคุยกันไว้ว่ามีโอกาสจะไปเที่ยวกัน แต่ก็ยังไม่ได้หาข้อมูลจริงจังนะ แต่นานๆทีพี่ท่านจะติ๊สแตกชวนเที่ยวแบบติ๊สๆอย่างนี้ ต้องสนองท่านเสียหน่อยจัดแจงคุ้ยลิงค์เก่าใหม่มานั่งอ่าน ลองจัดโปรแกรมคร่าวๆ เปิดเวปจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก ท่านอยากไปมะละกา เราอยากไปเลโก้แลนด์ด้วย เอาล่ะจัดแล้วได้ประมาณนี้

Day 1: BKK – KL >> KL Tour
Day 2: KL-MLK >> MLK Tour
Day 3: MLK-JHB >> Lego Land >>> SG – BKK

ลองดู น่าจะได้ แค่ 3 วันก็พอ เลโก้แลนด์อยู่ด้านใต้ของมาเลเซียแทบจะติดกับสิงคโปร์ดังนั้นพิจารณาแล้วคิดว่านั่งรถข้ามไปสิงคโปร์เร็วกว่านั่งรถย้อนกลับมากัวลาฯ ดังนั้นจำต้องซื้อ Air Aisia นะ แม้จะไม่ปลื้มสายการบินนี้เอามากๆก็เหอะ.. โอเค....โก โก โก


Day1 : Bangkok – Kuala Lumpur 


เราเลือกเวลาบินเที่ยวแรกเลย ยอมตื่นเช้ามากๆไปนอนบนเครื่องเอา เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวตอนบ่าย ไปถึงสนามบิน LCCT (Low Cost) สนามบินก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก อารมณ์ประมาณสนามบินตจว.บ้านเรา ผ่านตม.มาแล้วพี่วัฒน์ก็ไปซื้อซิมอินเตอร์เน็ทเอาไว้ใช้เลือกแบบราคา 25 ริงกิตของ Digi ก็น่าจะใช้พอ เล่นเน็ตอย่างเดียวไม่ต้องโทร จะโทรมาใช้เครื่องเราเพราะเปิดโรมมิ่งมา การซื้อสะดวกสบายมีหลายยี่ห้อ เสร็จเรียบร้อยรับกระเป๋าก็ออกมา เพื่อหารถเข้าเมือง จากการอ่านรีวิวต่างๆมา จับใจความได้ว่าจาก LCCT นี้ไม่มีรถไฟเข้าเมืองถ้าอยากขึ้นรถไฟต้องนั่ง shuttle bus ไปขึ้นที่ต้นทางซึ่งอยู่ที่ KLIA (Kuala Lumpur International Airport) ซึ่งมันก็ห่างกันอยู่หลายกิโล หรืออีกทางเลือกก็นั่งรถบัสเข้าเมืองไปเลยมีอยู่หลายสายหลายบริษัทฯ มีตู้ขายตั๋วอยู่ตรงประตูทางออกเลย คนไทยเราเป็นพวกตามๆกันไป จึงเลือกใช้ตามที่อ่านมาคือ Sky bus  ในราคา 9 ริงกิต ซื้อแล้วเดินออกไปด้านนอกตามทาง ผ่านไปด้านหน้าอาคารผู้โดยสารภายในประเทศอันนี้ออกแนวหมอชิตจริงๆ ผ่านไปจะเห็นชานชาลาจอดรถบัสเยอะแยะ มองหาชื่อรถของเราคันสีเหลืองๆ รีบไปขึ้นเลย เพราะมันออกเป็นรอบๆอย่าให้พลาดต้องรออีกเกือบครึ่งชม.

นั่งไปเรื่อยๆรถไม่ติดเท่าไหร่ ประมาณชั่วโมงนึงก็ถึง รถไม่ติดเท่าไหร่อาจเพราะเป็นวันเสาร์ จะมาติดในเมืองก็แค่นิดเดียว รถที่เรานั่งมันสุดสายที่ KL setral ซึ่งเราเลือกจองที่พักแถวๆนี้ เพราะเห็นว่าเป็นสถานีรถไฟใหญ่เดินทางสะดวกและพรุ่งนี้เราจะต้องไปต่อรถเพื่อไปมะละกาแต่เช้า ลงรถแล้วไม่ต้องเดินตามคนอื่นขึ้นสถานีรถไฟไปเพราะยังไม่ไปไหนและไม่ได้จะจองอะไร เดินลากกระเป๋าออกถนนไปเลย เอาแผนที่โรงแรมมาเปิดดูทิศทาง เดินไปไม่ไกลข้ามถนนไปเลี้ยวอีกนิดหน่อยก็ถึงที่พักล่ะ  My Hotel Sentral ห้องก็ขนาดกลางๆไม่ใหญ่ไม่เล็ก สะอาดแค่พอใช้ได้ จัดแจงล้างหน้าล้างตาหาข้อมูลเพิ่มเติม แล้วออกเที่ยวกัวลาฯดีกว่า นี่ก็บ่ายโมงแล้ว

เราใช้บริการรถไฟฟ้าของกัวลาฯเริ่มจากสถานีบ้านเราน่ะแหละ เราจะไปแถบไชน่าทาวน์ก่อน เดาเอาว่าน่าจะมีของกินอร่อยๆ (มั่วเอา) จาก KL Sentral นั่งสาย Rapid KL ไปลงที่สถานี Masjid Jamek ออกจากสถานีจะเจอ Cetral market แต่เราเดินเข้าถนน Petaling ไปค่ะ เดินดูของหาข้าวกิน ได้กินข้าวมันไก่ ข้าวหน้าเป็ด คนสับไก่พูดไทยได้ด้วย ไม่รู้เป็นพม่าหรือเปล่า แล้วก็เดินเล่นวนกลับไปทาง Jalan Sultan บ้านแถวนั้นเป็นเรือนแถวปูนโบราณสวยดี เห็นมีป้ายรณรงค์ต่างๆอยู่ คงพยายามคัดค้านการสร้างอาคารใหม่ๆมาทำลายพื้นที่ประวัติศาสตร์ มันก็น่าเสียดายจริงๆนะ อาคารเก่าสวยๆทั้งนั้น แต่ต่างคนก็ต่างใจ ชาวบ้านบางคนเค้าก็อาจจะอยากมีอาคารใหม่สวยๆหรูๆบ้างก็ได้นะ จะให้เค้าอยู่แต่บ้านเก่าๆ

เดินเล่นสักพักก็วนกลับมาสถานี นั่งรถไฟสายเดิมไปอีกนิดลงที่สถานี Dang Wangi เพื่อไปเดินดูย่าน จัตุรัสเมอร์เดก้า (Dataran Merdeka) ออกจากสถานี เดินหลงผิดทิศไปหน่อยเค้าไปกันทางซ้าย ไอ้เราข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เลยไปเจอวิวนี้ก็สวยดี เดินไปอีกนิดก็ถึง KL tower แล้วนะ แต่ไม่รู้จะไปทำไมแต่ป่านนี้ เลยต้องแวะถามทางอาตี๋คนนึง ฮีช่วยเหลือดีมากพร้อมชี้ย้อนกลับไปทางที่เรามา ฮ่าๆๆๆ สุดท้ายก็เดินย้อนกลับไปจนถึงมาเดการ์สแควร์ แดดมันโหดมากจริงๆ เดินกันเหงื่อหยด ไม่ไกลแต่หมดแรงได้เลย แถบนี้มีอาคาร Sultan Abdul Samad Building ที่ปัจจุบันเป็นที่ทำการรัฐบาล รูปทรงอาคารสวยงามมีหอนาฬิกาคล้ายบิ๊กเบนเลย มองดูอังกิ๊ดอังกิด.... ข้ามถนนไปที่สนามหญ้าใหญ่ๆ มีธงชาติเยอะ มีนักท่องที่ยวลงรถทัวร์มาถ่ายรูปเยอะมาก เดินไปสักพักไม่ไหวจะละลาย ทนเดินไปจนสุดสนามเพื่อหาร้านนั่งพักก็ไม่มีเลย แต่มาพบ KL City Gallery เลยเข้าไปหลบแดด ปรากฏว่าดีมากเลย มีนิทรรศการภาพถ่ายสวยๆของ KL แล้วก็มีประวัติอาคารอนุรักษณ์ต่างๆ มีเมืองจำลองสวยๆอยู่ชั้น 2 เจ๋งดี แอร์ก็เย็น ถือเป็นการพักร้อนไปในตัว ลงมาด้านล่างมีร้านช็อปปิ้งมีหนังสือ แล้วก็รูปแกะไม้สามมิติสวยดี 

ออกจาก City gallry ก็เดินวนกลับไปสถานี ไม่ได้เดินย้อนทางเดิม แต่เดินเลียบคลองอ้อมไปด้านหลังสถานีรถไฟ ไปขึ้นรถไฟสายเดิมต่อไปอีก คราวนี้เราจะไป Petronas Twin Tower กัน มันต้องไปอ่ะนะ นั่งไปลงสถานี KLCC มองหาป้าย Suria แล้วเดินๆไปเรื่อย (ทางในสถานี) จะไปโผล่ใต้ตึก petronas เลย Suria มันเป็น shopping mall ที่ใหญ่มาก เข้าไปเดินเล่นได้เย็นๆใจ ถ้าอยากถ่ายรูปก็เดินออกมาหน้าตึก ฝั่งอาคารสำนักงาน เค้าจะมีจุด photo spot เลย แต่จริงมันยังใกล้ไปมันแหงนมาก แต่ก็ถ่ายรูปแบบแปลกๆสนุกๆได้ ถ้าอยากได้ภาพมุมกว้างของอาคารจริงๆต้องเดินออกไปไกลๆอีก หรือไม่งั้นก็ลงก่อนสักสถานีแล้วเดินมาอาคารน่าจะมีมุมมองสวยตามทาง แต่เราไม่ไปล่ะร้อน ถ่ายรูปแหงนๆแปลกๆหน้าอาคารแล้วเข้าไปเดินเล่นด้านใน หากาแฟจิบนั่งพัก รอเวลาเย็นๆจะได้ถ่ายภาพอาคารที่มีแสงพร้อมฟ้าสวย 

ราวๆหกโมงเย็นก็เดินทะลุหลังตึกออกไปด้านหลังที่เป็นสวนสาธารณะ มีสวนน้ำ มีสวนเด็กเล่น เดินเลยไปไกลๆหน่อยบนเนินมองกลับมาที่ตึกได้มุมพอใจ จึงนั่งรอเวลา โอ้โห...ลืมไปว่าเวลามันเร็วเกินพระอาทิตย์นะ กว่าจะมืดก็เวลาท้องถิ่นทุ่มนึงพอดี เลยพอได้รูปตึกแฝดที่เริ่มเปิดไฟพร้อมท้องฟ้ายามเย็นมาดังนี้ (เจ้าขาวตัวใหม่ ยังไงภาพที่ได้ก็ยังแจ่มสู้เจ้า D7000 ของเราไม่ได้ อะฮึกๆแต่นึกแล้วขี้เกียจแบก)



ถ่ายรูปจนพอใจ ฟ้ามืดสนิทเดินกลับมาที่ตึก ด้านหลังเป็นน้ำพุเต้นระบำ แสงสีเสียงสวยงาม คนดูเพียบ ดูอยู่พักใหญ่ ไม่หมดสักทีแต่หิวแล้วเหนื่อยแล้ว เข้าตึกไปนั่งกินข้าวในฟู๊ดคอร์ท อิ่มแล้วจับรถไฟกลับโรงแรม สลบเหมือด


Day2 : Kuala Lumpur – Melaka


วันนี้จะไปมะละกากันล่ะ ดูตามแผนที่จะเห็นว่ามะละกาต้องนั่งรถลงใต้ไปไม่ไกลนัก ตามที่หาข้อมูลมา นั่งรถบัสประมาณ 2 ชม. แต่แรกอยากได้รถเที่ยวเช้า 8 โมง หรือ 8 โมงครึ่ง แต่ว่าเมื่อวานเหนื่อยมาก ตื่นมาได้เท่านี้ก็เท่านี้ ลากกระเป๋ามาที่ KL Sentral หารถไฟที่วิ่งไป TBS (Terminal Bersepadu Selatan) เป็นรถ KL Transit Express ที่ไปสนามบินได้ แต่เราจะลงที่สถานี Bandar Tasik Selatan ซื้อตั๋วแล้วลงบันไดเลื่อนมารอรถด้านล่าง มาถึงรถไฟออกกันไปต่อหน้าต่อตาเลย แห้วแตก ต้องนั่งรอไปอีกครึ่งชม. ตามที่อ่านบอร์ด (ก็ว่างอ่ะ) จากวันที่ 20 พค. 2013 นี้ ใครจะใช้บริการรถ KL Express นี้ ต้องมีตั๋วเครื่องบินเท่านั้น เหมือนว่าเป็น Airport link ที่สามารถ Chk in ได้เลย เห็นเครื่องมาติดตั้งไว้แล้ว 

รอไปครึ่งชม.รถไฟมา มัวแต่โอ้เอ้ เกือบตกรถไฟอีกรอบ เพราะประตูมันไม่เปิดอัตโนมัติเหมือนรถไฟฟ้าทั่วไปนะ ต้องกดปุ่ม ยืนงงอยู่พักนึง นึกได้เพราะเคยอ่านเจอ กดเปิดขึ้นรถไม่ได้ไม่เกิน 2-3 นาที รถออก โอ้ว.... นั่งสบายแอร์เย็นฉ่ำ นั่งออกมานอกเมือง แป๊บเดียวก็ถึงสถานี Bandar Tasik Selatan ลากกระเป๋าลงมา เดินไปตามๆกัน อาคารผู้โดยสารสร้างใหม่ไฉไลมาก เข้าไปเลือกหาซื้อตั๋ว มองดูมีรถไปมะละกาเยอะแยะ แล้วแต่ชอบรถเจ้าไหนเวลาไหนก็เข้าไปซื้อตั๋วเลย เราเลือกจากบ.ที่เวลาเร็วสุด เผื่อเวลาหาอะไรกินนิดหน่อยด้วย เสร็จแล้วไปหาข้าวกินชั้น 2 รีบกินรีบลงไปชั้นล่าง รอขึ้นรถตามเกทที่เขียนในตั๋ว อารมณ์เหมือนรอขึ้นเครื่อง

รถเรามาช้าไปสิบห้านาทีแน่ะ ใจก็ร้อนเพราะช้ากว่าแผนไปเกือบ 2 ชม.แระ บ่นจนแฟนเบื่อเหอะ... 555 ในที่สุดก็ได้เดินทาง นั่งรถไป 2 ชม.ก็ถึง Melaka Sentral ท่ารถที่นี่ดูเก่าๆหน่อย และพลุกพล่านน่าดู เราเดินวนๆงงๆหลงๆเพราะมีโซนพลาซ่าขายของด้วย อารมณ์เหมือนหมอชิตย่อมๆ เดินไปเคาเตอร์ขายตั๋ว เพื่อมองหาตั๋วไปยะโฮบารูห์พรุ่งนี้ ดูไว้ล่วงหน้าว่ามีรถกี่โมงบ้าง เป็นไปตามที่อ่านมามีรถตั้งแต่ 8.30 ออกทุกๆชม. มีหลายเจ้า เห็นแล้วสบายใจ พรุ่งนี้มาซื้อแล้วไปเลย จากนั้นเดินหาป้ายรถเมล์เข้าเมือง ถามทางจนเมื่อยมือสุดท้ายก็เจอรถสาย 17 ไปถึงรถแน่นแล้ว อยากจะรอคันใหม่ แต่ลุงคนขายตั๋วโบกมือให้ไปๆๆๆ สุดท้ายไปก็ได้วะ ขึ้นไปยืนเบียดเสียด นักท่องเที่ยวเต็มคันรถ ส่วนมากเตรียมเงินคนละ 1 ริงกิต แต่ลุงบอกว่า 1.3 ริงกิต บ๊ะ...ขึ้นราคา ยืนเหวี่ยงไปมาไม่นานเท่าไหร่ น่าจะสัก 15-20 นาที ก็เห็นหอนาฬิกาแดงๆแล้ว นั่นคือถึงดัชสแควร์ล่ะ คนลงสักค่อนคัน รวมทั้งเราด้วย

เดินข้ามสะพาน ไปหาโรงแรม Baba house ที่จองไว้ ไกลเหมือนกันวุ๊ย แต่ก็สงบดี ดีกว่าอยู่ตรงที่คนพลุกพล่านมากๆ Chk in เสร็จแล้ว ก็ออกหาข้าวกินเพราะบ่ายมากแล้ว มามะละกาต้องกินข้าวมันไก่ไรซ์บอล มันคือข้าวมันไก่นั่นแหละ แต่ข้าวเค้าปั้นเป็นลูกกลมๆเหมือนลูกชิ้นปลา ไม่รู้ไหนร้านดัง เห็นมีคนต่อแถวอยู่ 2-3 ร้าน เลือกร้านใหญ่เพราะคิวน่าจะรันเร็วกว่าร้านเล็ก เข้าไปกินก็อร่อยดี ไก่จานกลาง ข้าวจะเอากี่ลูกก็สั่งไป เกี๊ยวน้ำอีกชามโคม อิ่มแปร้ แถมร้านชั้น 2 ยังทำให้เที่ยวชมได้ ยังกะอยู่ปักกิ่ง เสร็จสมอารมณ์หมายก็เดินถนนคนเดินจองเกอร์ดูเล็กน้อย ร้านค้าเพิ่งจะตั้งแผง เลยข้ามแม่น้ำกลับไปด้านโน้นเพื่อไปท่าเรือ นั่งเรือเล่นดีกว่า เพราะฝนมันเริ่มตก ค่านั่งเรือคนละ 15 ริงกิต พอเริ่มนั่งฝนก็ตกหนักขึ้นๆ แต่มีหลังคาจะกลัวอะไร ชมวิวริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ นั่งประมาณครึ่งชม.พอเพลินๆ กลับมาถึงท่าเรือฝนยังไม่หยุดดี เลยเข้าพิพิธภัณฑ์เรือใกล้ๆแถวนั้นไปเดินเล่นหลบฝน ภายในก็บอกเล่าวิธีชีวิตชาวเรือแถบนี้ แอร์เย็นฉ่ำเหมาะกับการหลบร้อนหลบฝน ออกจากเรือ เดินมาอีกนิดยังเข้าชม Museum ฝั่งตรงข้ามได้อีก ตั๋วเดียวกัน เข้าไปดูมีรายละเอียดเกี๋ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น มีชีวิตสัตว์ใต้ท้องทะเลแถบนั้นให้อ่าน แอร์เย็นฉ่ำเหมือนกัน 

กลับออกมาฝนหยุดพอดี เดินมาถ่ายรูปแถบดัชสแควร์ หน่อย ส่องสามล้อถีบเก๋ๆไปเยอะพอฝนหยุดก็เริ่มร้อน เริ่มเมื่อย เลยย้ายมาหาร้านกาแฟนั่งเก๋ๆริมน้ำ จิบชา จิบกาแฟแกล้มลอดช่อง ชมเรือวิ่งไปมา สบายใจแล้วค่อยออกเดินเล่นต่อ เดินเลาะเลียบคลองไปข้ามสะพานอีกอันวนกลับไปดัชสแควร์อีกรอบ ไม่มืดสักทีเลยเข้าไปเดินเล่นในถนนจองเกอร์ ร้านเริ่มเปิดเยอะแล้วมีของมาขายแบบตลาดนัด มีของกินตามรายทางเลยแวะซื้อขนมจีบแล้วเดินไปนั่งริมน้ำตรงข้ามกังหัน เพื่อรอดูแสงสียามเย็น ปรากฏว่าวันนี้แห้วค่ะ คงเพราะฝนตกฟ้าเลยมัวๆซัวๆพิกล นั่งเล่นไปจนมืด เลยเดินกลัมาดัชสแควร์อีก คือละแวกนั้นมันเล็กมากนะ เดินไปเดินมาก็ที่เดิมค่ะ 555 พอมืดก็ ได้เห็นสามล้อประดับไฟวิบวับเต็มไปหมด จริงๆมะละกาก็มีบ้านเรือนสวยๆตามถนนฝั่งโน้นที่เราพัก กับดัชสแควร์ฝั่งนี้ที่เป็นไฮไลต์ เดินวนไปวนมาดูบรรยากาศหลายๆเวลาได้ทันค่ะ 



เดินมาหาข้าวกินในถนนจองเกอร์ ร้านรวงเปิดกันเต็มหมด เดินเล่นไปได้ทั้งถนน ปลายๆถนนมีของกินขายเหมือนโต้รุ่งเลยไปนั่งกินหมีผัดกัน อาหารตามร้านๆก็มีตลอดรายทาง แล้วแต่ชอบค่ะ กินอิ่มดี เดินตัดซอยไปก็ถึงที่พักพอดี เข้าไปอาบน้ำให้สบายตัวแล้วชวนกันเดินออกมาหาเบียร์จิบเชียร์บอลอังกฤษสักหน่อย ดูบอลจบไปคู่เดียวก็ง่วงแล้วค่ะ กลับห้องสลบอีกคืน พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางอีก

Day3 : Melaka – Johor Bharu


ตื่นมาสายกว่าแผนอีกล่ะ 555 แต่ก็ยังอุตส่าห์แวะกินอาหารเช้าที่ห้องอาหาร น่าจะเป็นแขกชุดแรกเลยอ่ะ อาหารเช้าแบบง่ายๆไข่ไส้กรอกขนมปังกาแฟ ก็พออิ่ม ลากกระเป๋ากลับไปดัชสแควร์เพราะที่อ่านมา รถมันวิ่งวนค่ะ เราลงตรงไหนก็ไปรอตรงนั้นเลย (เป็นการวางแผนผิดค่ะ ใครจะใช้บริการรถโดยสาร ให้ปรึกษาที่พักเลยค่ะ จะได้ไม่ย้อนอย่างเรา) คือลากกระเป๋ากลับไปก็ไกลพอควร พอไปถึงนี่ซิ นั่งรอร๊อรอ รถไม่มาสักที มีคนลากกระเป๋ามารอก่อนเราอีก ทุกคนออกอาการหงุดหงิดแล้ว เพราะเราเองก็รอมา 15 นาทีได้แล้ว กำลังว่าจะเรียกแท็กซี่สาย 17 ก็มาพอดี ขึ้นไปนั่งอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง นั่งไปสักพัก ก็ค้นพบว่า รถมันอ้อมมากกกกกก มันวนไปโน่นๆๆๆ ไปย่านเมืองใหม่ แล้วถึงย้อนกลับมา วนไปทางปากอ่าว แล้วก็วนมาถนนด้านหลังถนนจองเกอร์ คือถ้าเราออกจากโรงแรมแทนที่จะเลี้ยวขวาลากกระเป๋าย้อนกลับไปดัชสแควร์ตั้งไกล เปลี่ยนเป็นเลี้ยวซ้ายเดินไปหน่อยเดียวไปรอรถตรงนั้น อาจได้ขึ้นรถคันก่อนหน้านี้แล้ว และจากตรงนั้นมันนั่งไปไม่นานก็ถึง Melaka Sentral อ่ะ คือไปนั่งวนด้านโน้นของเมืองสัก 20 นาทีเลยเหอะ เซ็งมากกกกก ใครจองตั๋วรถไว้แล้วควรเผื่อเวลาเยอะหน่อยค่ะ

ไปถึงท่ารถวิ่งเข้าไปดูตั๋ว คือว่าพลาดรถ 8.30 แน่แล้ว เมื่อวานเห็นแว๊บๆว่าคงต้องรอรถเที่ยว 10 โมงเลย เศร้า แต่ไปเจอเจ้านึงมันกำลังจะออกตอน 9 โมงครึ่งเนี่ย เลยโชคดีไป เป็นรถไปยะโฮฯข้ามไปถึงสิงคโปร์เลยค่ะ รถบัสเบาะใหญ่นิ่มนั่งสบายมาก หลับได้เพลินๆเลย รถใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่งถึงยะโฮร์ฯ แวะเติมน้ำและให้เข้าห้องน้ำ 1 ครั้ง ตอนหาข้อมูลมาจริงๆก็ยังงงๆว่าต้องลงตรงไหนและจะไปเลโก้แลนด์ยังไง สุดท้ายเข้าใจแล้วว่าที่มะละกามันไม่มีสถานีรถไฟมีแค่สถานีรถมันเลยเรียก Melaka Sentral แต่ที่ยะโฮร์นี่มีสถานีรถบัสและรถทัวร์แยกกันถ้าจะไปสถานีรถไฟก็ไปที่ Jahor Sentral แต่ถ้าไปท่ารถบัสก็เป็นที่ Lakin Bus Terminal ซึ่งรถทัวร์ที่เราไปก็ไปจอดที่ Lakin เราก็ลงแล้วก็ลงมาเดินหารถสีเหลืองๆมีคำว่า Lego ตัวโตๆ เห็นอย่างชัด ไปถามเค้าว่าคันนี้ไปเลโก้แลนด์ใช่มั๊ย เพราะรถมันวิ่งวน บางคันมันจะไปส่งคนที่สถานีรถไฟก็ไม่ต้องไปนั่งมันรอคันต่อไปเดี๋ยวก็มา ค่ารถก็แสนถูกคนละ 1.5RM ตอนแรกนึกว่าเงินไม่พอซะแล้ว

นั่งรถไปไกลเหมือนกันนะสัก 20-30 นาทีก็มาถึงทางเข้า ซึ่งกว้างขวางใหญ่โตแต่โล้นเลี่ยนร้อนแดดแจ๋ ขับเข้าไปอีกหน่อย รถก็จอดให้ลงตรงทางเดินเข้าเลโก้แลนด์ มองไปทั่วๆมันคือลาดจอดรถใหญ่มาก อารมณ์เหมือนลานจอดดีสนีย์แลนด์ ต่างกันที่ว่าที่นี่มีรถจอดไม่กี่คัน รถบัสปล่อยคนลงก็วนออกไป มันจะวนมารอบๆ ควรดูเวลารถไว้จะได้มารอได้ตรงเวลา ถ้าจะนั่งรถวนแบบนี้ คือ LM1 ดูได้จากตารางนี้หรือไปดูที่เวป >> ตารางรถ 1 
Note: มันมีรถอีกสาย JPO2 มันเป็นรถวนเหมือนกันวนไป CIQ 2nd Link (ด่านพรมแดนมาเลย์กับสิงคโปร์) แล้วก็ไป JPO ( Jahor Premium Outlet) กับไปสนามบิน Senai Airport ดูรายละเอียดกับตารางเวลาตามนี้ >> ตารางรถ 2 นอกจากนี้มันมีรถมาจาก สิงคโปร์ด้วยเลยดูรายละเอียดเอาตามนี้ >> รถข้ามแดน รู้สึกจะมีแต่วันส.-อา. กับวันหยุด

ลงรถแล้วจากนั้นก็เดินตามทางเข้าไปถึงที่ขายตั๋ว ใครยังไม่มีตั๋วก็ไปซื้อแต่เราซื้ออนไลน์มาก่อนล่วงหน้า 7 วันมันได้ลดราคาจากราคาเต็ม 20% ปริ๊นต์ใบมาเลยนะมันมีบาร์โค๊ดด้วย เอาใช้ให้จนท.สแกนเข้าได้เลย เข้ามาแล้วเอากระเป๋าเดินทางไปฝากล็อคเกอร์ได้ ค่าฝากนับเป็นชม.อยู่ กะเวลาดีๆ [จองตั๋วเลโก้แลนด์ล่วงหน้าที่เว็บ >> Legoland ]


เรื่องเที่ยวเล่นก็ดูจากแผนที่เอาแล้วกัน คือมันเล็กๆนะ เดินเที่ยวได้ทั่วๆ ของกินของดื่มก็แพงตามสถานที่ อยากประหยัดก็พกข้าวพกน้ำเข้าไป แต่อย่าไปคิดมากเลยนะพกน้ำไปก็พอ กินข้าวกินขนมของเค้าบ้างเถอะ เราพักกินข้าวกันก่อนเพราะมาถึงก็เที่ยงกว่าแล้ว จากนั้นเราก็เริ่มเดินเที่ยว ทางที่เข้ามามันจะ
เห็นเมืองจำลองอยู่ข้างหน้าเลย อย่าเพิ่งเข้าไป เดินไปเล่นเครื่องเล่นต่างก่อน เราเลือกวนซ้ายไปเล่นรถไฟอันแรก เห็นเล็กๆก็เสียวเล็กๆตอนเข้าโค้ง เดินต่อไปเล่นรถไฟเหาะต่อ มันมีอันเล็กกะอันใหญ่นะ อันใหญ่อยู่ในปราสาทสวยดี จากนั้นก็เดินไปขึ้นหอคอยชมวิว เป็นการนั่งพักหลบแดดด้วยแอร์เย็นสบายไม่อยากลงเลย ฮ่าๆๆๆ เปิดแผนที่เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ มีเวลามากก็เล่นมันทุกอันได้เลย แต่ส่วนมีแต่ของเล่นเด็กๆ เหมาะกับการพาลูกพาหลานมาเที่ยว ตอนนั่งหอคอยขมวิวมองเห็นพื้นที่รอบๆ ยังมีการก่อสร้างอีกเยอะเลย

เดินวนไปจนเจอสถานีดับเพลิงที่คนชอบเล่าว่าสนุก ไปดูแล้วก็งั้นๆได้แต่ถ่ายรูปเล่น วนมาถึงสถานีรถไฟ ก็มาต่อคิวนั่งรถไฟสักหน่อย มันจะวนรอบๆเมืองจำลองเป็นการดูภาพรวมก่อน วนครบรอบ ก็ออกมาเดินชมเมืองจำลองแบบละเอียดๆเป็นการสั่งลา
เอากระเป๋าแล้วออกไปที่ท่ารถที่ลงมา ตอนนี้จะเจอผู้คนมากหน้าหลายตาเพราะเย็นใกล้ปิดแล้ว คนส่วนมากจะมากะทัวร์ซึ่งมาจากสิงคโปร์ เค้าก็เรียกชื่อไปขึ้นรถ พวกรอรถวน รอรถเมล์ก็รอกันไปแบบไร้อนาคต ไม่มีเจ้าหน้าที่ไม่มีป้ายบอกรายละเอียดอะไรเลย ข้อมูลการเดินทางสำหรับคนไม่เคยไปมันงงจริงๆขอบอก เราพลาดรถไป CIQ ไป แต่ไม่เป็นไร เรารอรถคันไหนก็ได้ที่เข้าท่ารถบัส เพื่อหารถข้ามไปสิงคโปร์เลย แต่รอนานจนกังวลว่าจะตกเครื่องบินล่ะ คนรอก็เยอะ ต่างพากันบ่นๆเรื่องข้อมูลไม่ดี แต่สุดท้ายรถเมล์ก็มานะ ขอเตือนว่ารถเมล์ไม่ทอนเงิน เราเหลือเงิน 10 ริงกิตอยู่ 3 ใบสุดท้าย ค่ารถมันแค่ 1.5 เลยจำต้องให้ไปทั้งแบงค์ 10 เพราะไม่งั้นนางไม่ยอมให้ขึ้นรถ เซ็งมากขอบอก ไม่รู้จะพอค่ารถข้ามไปสิงคโปร์หรือเปล่าเลย

ไปถึงท่ารถก็ไปหารถที่ข้ามไปสิงคโปร์เอาคันที่ออกเร็วสุด ได้รถบัสเก่าไปหน่อย แต่ก็นั่งสบาย รถข้ามประเทศในราคา 1.4 RM!! มันถูกมากจนน่าตกใจถูกกว่าค่ารถเมล์จาดท่ารถไปเลโก้แลนด์อีกเหอะ รถสามารถไปส่งได้ถึงสถานีรถไฟจูงร่งอิสต์เลย นั่งรถไปไม่กี่สิบนาทีก็ถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซียแล้ว ทุกคนต้องลงรถเอาของลงหมดนะ เพื่อไปเดินผ่านจนท.ตม.เพื่อออกจากประเทศมาเลเซีย พอผ่านตม.เรียบร้อยก็เดินไปตามทางที่เค้าเดินๆกันมันจะไปที่ท่ารถด้านล่าง เอาตั๋วไปยื่นถามเค้าเลยว่าขึ้นคันไหนได้ จริงๆก็ได้ทุกคันแหละ อาจไม่ใช่คันเดิม ขึ้นนั่งรถแล้วมันจะพาวิ่งข้ามทะเลด้วยสะพานยาวเหยียดเป็นการข้ามพรมแดนนี่เองที่เค้าเรียก Second Link  Bridge ไปถึงอาคารตม.ของฝั่งสิงคโปร์ก็ลงเพื่อทำการตรวจเอกสารผ่านแดนเหมือนตอนแรก ต้องเขียนใบผ่านแดนตรวจพาสปอร์ตเหมือนการผ่านแดนปกติ ผ่านแดนเข้าไปแล้วก้เดินไปตามทางที่เค้าเดินๆกันนั่นแหละมันจะลงไปขึ้นรถบัสต่อเพื่อไปตามปลายทางที่เราซื้อตั๋วไว้ แต่เราเห็นว่ามันช้าแล้วเลยไม่ไปท่ารถ เดินไปตามป้ายบอก Taxi stand เพื่อหาแท็กซี่ไปสนามบินเลย นั่งไปสนามบินก็ไกลพอควรนั่งแท็กซี่ไปครึ่งค่อนชม.แต่ก็ถึงได้เวลาพอดีทีเดียวเช็คอินโหลดกระเป๋าแล้วก็มีเวลากินข้าวช็อปิ้งเล็กน้อยก่อนกลับบ้าน จบทริปแบบด่วนเวลาน้อยๆอย่างประทับใจทีเดียว


แผนที่เที่ยวกัวลาลัมเปอร์



แผนที่เที่ยวมะละกา



แผนที่เลโก้แลนด์




No comments:

Post a Comment