Dec 25, 2015

อุบลหลายโบก [อุบลทริป]

อุบลหลายโบก

ธันวาคม 2558

อยากดูแต่รูป ไปยังไงไม่สนใจไปดูที่นี่ก็ได้ > อุบลหลายโบก


เจ้ากุ้งเจ้าเก่าบอกว่าจะไปเที่ยวชมดอกไม้ เลยตัดสินใจปุบปับบอกว่าไปด้วยๆ นัดเจอกันที่อ.ศรีเมืองใหม่ ที่เจ้ากุ้งบอกเราว่าศรีเชียงใหม่ ทำให้เรามึนงงขนาด มันอยู่หนองคายนี่หว่า ต้องจูนสมองนิดนึงนะ อ.ศรีเมืองใหม่ เป็นอ.ในจังหวัดอุบลราชธานี แถวๆโขงเจียม จากวิกิมันบอกว่าเดิมชื่ออ.โขงเจียมด้วยซ้ำ ลอง search map ศรีเมืองใหม่ดูซิ มันเก๋ไก๋ใช่ย่อย ผังเมืองเป็นรูปใยแมงมุม แต่ข้อเสียคือมึนมากในการบอกทาง เราบินไปลงอุบล แล้วเช่ารถขับออกมานอนรอเจ้ากุ้งที่ศรีเมืองใหม่ กว่าจะหาที่พักเจอ วนจนมึน GPS ยังงงอ่ะ มีบอกว่า Should park and walk to destination ด้วย ฮ่าๆๆๆ

พักที่นี่นะ บ้านกลางซอย ราคา 500 บาท ห้องขนาดกำลังดี สะอาดมาก มีน้ำร้อนชากาแฟให้ด้วย เอาไว้เป็นตัวเลือกถ้าจะมาพักที่ศรีเมืองใหม่ละกัน


วันที่ 1

เจ้ากุ้งมารถทัวร์กรุงเทพฯ-โขงเจียม มันส่งลงที่ท่ารถในตัวอำเภอ ซึ่งมันติดกับตลาดเลย ก็เจอกันที่นั่นตอนเช้าๆ หาอะไรกินรองท้องหน่อย ไม่มีอะไรให้กินเลยเหอะ นอกจากรถเข็นขายไก่ย่าง 2-3 ร้าน แผงขายชากาแฟชง 2 ร้าน ไม่มีที่นั่งกิน นอกนั้นขายของสด ตลาดเงี๊ยบบบบเงียบ เจอร้านขายอาหารตามสั่งเล็กๆข้างตลาด ฝากท้องกันที่นี่ล่ะ ข้าวต้มเส้นคนละชาม ตามด้วยกาแฟ แล้วจัดการเตรียมเสบียงกลางวันซึ่งก็คือไก่ย่าง ข้าวเหนียวไข่ต้ม เรียบร้อย 8 โมงกว่า ออกเดินทางไปน้ำตกผาหลวงกัน ลืมบอก....ร้อนมาก ลมหนาวยังมาไม่ถึง 5 ธันวาแล้วนะเนี่ย

จากศรีเมืองใหม่ไปทางบ้านนาเลิน มีป้ายบอกทางอยู่บ้างแต่ไม่ค่อยชัดเจน ใช้ GPS นำทางดีสุด ระยะทางแค่ 20 กม. เราถึง วนอุทยานน้ำตกผาหลวง ประมาณ 9 โมงเช้า แต่ด้วยว่ามันไม่หนาว แค่ 9 โมงเลยรู้สึกเริ่มร้อนแล้ว เจ้ากุ้งโทรติดต่อหัวหน้าอุทยานฯมาล่วงหน้าแล้ว หัวหน้าจัดจนท.นำทางไว้ให้ 1 นายชื่อพี่ประสาร ก่อนเดินสอบถามพี่ประสารว่าดอกไม้เยอะมั๊ย พี่ประสารยิ้มแห้งๆบอกว่า หมดแล้ว ปีนี้ไม่เยอะแล้งมาก แห้งหมด กรรม!! หัวหน้าหลอกดาว หัวหน้าบอกเยอะ กำลังสวย แหม่! หัวหน้าไม่ได้เดินขึ้นไปล่ะซิ คราวหน้าโทรถามพี่ประสารดีกว่า เพราะพี่ประสารบอกว่าผมขึ้นสัปดาห์ละ 2 ครั้งครับ กรรม!!

แต่มาแล้วก็อย่าให้เสียเปล่า เดินก็เดิน ทางเดินขึ้นเนินไม่ชันมากแค่ 4-500 ม. จากนั้นเป็นทางราบๆ เดินได้สบายๆ... ถ้าไม่ร้อนคงจะชิลอยู่ เดินขึ้นไปจนถึงทุ่งดอกหญ้าใช้เวลประมาณ 25 นาทีแค่พอเมื่อย เห็นทุ่งแล้วสลด มันแห้งหมดล่ะ สรุปกันว่าพวกเราเป็นเหยื่อโซเชียลนะเนี่ย เพราะรูปออกมาปีที่แล้วนี่บานเต็มทุ่ง งามเชียว ปีนี้นอกจากไม่หนาวแล้วยังแห้งเหี่ยวเปลี่ยวใจยิ่งนัก หยิบกล้องมาส่องๆกันแค่พักเดียวก็โบกมือลา พื้นหินก็ร้อนนอนไม่ไหวจะมาโครกันยังไง บ๊าย บาย

 ZIMG_20151205_091328  WUBP_1750 

 WUBP_1764  WUBP_1833 


เดินต่อไปอีก พี่ประสารพาเดินตัดทุ่งไปเสาเฉลียงเก้านางดอกหมาก หน้าตาเหมือนภูผาเทิบ 3 แท่งต่อกัน ถ่ายรูปกัน 2-3 แชะ ก็ไปต่อ ตัดทุ่งไปถึงจุดชมวิว มีร่มไม้ให้พักกินไก่ อ้อ...อย่าลืมซื้อมาเผื่อคนนำทางด้วยนะ แจกจ่ายไก่กับข้าวเหนียว เลือกมุมนั่งตามสะดวก กินไปชมวิวไป ลมพอเย็นๆอยู่ เจ้าโจ้ เดินตามเรามาตลอดทาง เจ้าโจ้ฉลาดมาก มันรอเราตลอด คงกลัวเราหลงทางเพราะหน้าตาท่าทางดูเฟอะฟะ พักกลางวันเลยต้องให้รางวัลหน่อย แบ่งไก่กันกินนะโจ้


จากจุดชมวิว ที่เหินวิวกว้างไกล หน้าผาชันชวนเสียว ถ่ายรูปอย่าโลดโผน ตกลงไปลำบากจนท.อีก ตายหรือพิการเรื่องของคุณเหอะ แต่จนท.ลำบาก เดินตัดป่าร่มๆไปอีกไม่นานก็เจอ จุดชมวิวหม้อหินผาหลวง อารมณ์คล้ายๆผาชูธง สวยงามเพราะฟ้าใสกริ๊ก ขอให้พี่ประสารเป็นนายแบบจะเหมาะสุด



 WUBP_1816  WUBP_1828  WUBP_1825  WUBP_1841 

จากจุดนี้พี่ประสารผาไต่หน้าผาลงมา ไต่ลงจริงๆ พี่ประสารบอกว่าเมื่อก่อนมีบันได แต่หัวหน้าให้รื้อออก เพราะคนเลวใช้ขนไม้กันเยอะ เอาบันไดออกจะได้ขนยากๆหน่อย แต่ถ้าจะลงทางเดิมก็ได้ แต่ต้องเดินต่อไปอีกเป็นกิโล ลงทางนี้ใกล้กว่าเยอะ ก็ไต่กันลงไป ถึงลานจอดรถพอดี จบทริปแบบร้อนๆ เหงื่อโทรมกาย

อกหักจากทุ่งดอกกระดุม ก็ไม่เป็นไรฟะ ไว้ไปแก้มือที่หนองหญ้าม้าอีกที วันนี้ย้อนกลับออกมาทางบ้านนาเลิน กด GPS ไป สามพันโบก กัน ตอนบ่ายๆอย่างนี้ลองไปดูกันว่าสู้ร้อนไหวมั๊ย ขับรถไปทางอ.โพธ์ไทย แยกเข้าถนน 2112 มีป้ายบอกทางชัดเจนอยู่ แวะเข้าจุดจอดแรกสุดทางเป็นร้านอาหารบ้านน้องเบนซ์ จะมีป้ายหินใหญ่ๆเขียนสามพันโบก แต่จากตรงนี้ต้องลงทางลาดไปริมน้ำแล้วนั่งเรือหางยาวต่อไป เหมือนจะคิดค่าเรือคนละ 50 บาทมั๊ง คนเลยนิยมขับเลยไปที่จอดรถอีกจุด เป็นร้านอาหารครัวสามพันโบกมั๊ง คือจอดตรงนั้น เดินลงเนินไปก็ถึงแก่งหินลานหินสามพันโบกได้เลย เมืองไทยนี่แปลกดี ที่ท่องเที่ยวจุดจอดจุดเที่ยว ให้เอกชนยึดที่ริมตลิ่งไปซะงั้น

 WWIMG_20151205_152503  WWIMG_20151205_143357  WWIMG_20151205_143456  WWIMG_20151205_152601 

พวกเราไปถึงบ่ายแก่ๆก็ยังร้อนอยู่เลย พักกินส้มตำกันก็แล้วก็ยังไม่มีทีท่าจะหายร้อน ความร้อนที่พื้นหินสะสมจากแสงแดดมาตลอดวันค่อยๆคายไอออกมาระอุอุ่นๆ แต่สุดท้ายก็ลงไปเที่ยวกัน หินก็ลื่นบ้างไม่ลื่นบ้างแต่การปีนป่ายก็เยอะอยู่ เคยคิดจะพาแม่มาเที่ยวคงไม่ไหวล่ะ ถ้าพาผู้ใหญ่มาคงให้ยืนมองจากจุดจอดรถด้านบนพอได้ ลงมานี่ไม่ไหวแน่นอน

จุดจอดรถครัวสามพันโบกยืนดูจากด้านบนได้เลย ไต่ลงไปก็ไม่ไกลมาก
แดดบ่ายวันนี้ไม่ค่อยสวย ถ้าจะให้ดีควรเป็นแดดตอนเช้านะเราว่า ถ้าแดดลงเต็มๆแสงก็แข็ง ถ้าแดดอ่อนแสงเอียงก็เป็นเงาเยอะต้องเลือกมุมถ่ายเอา จริงๆแล้วไม่มีแสงเลยอาจจะดีกว่า (มั๊ยวะ) แต่ยังไงก็ถ่ายยากนะ เรานี่เดินวนไปวนมาหามุมถ่ายสวยๆนี่ยากจริงๆ ยกกล้องส่องมุมไหนๆมันก็ไม่เห็นสวยเลย ทำไมคนเค้าถ่ายกันออกมาสวยจังวะ ตาไม่ถึงจริงๆเรา มีคนไต่หินยั้วเยี้ยไปทั่วด้วย ต้องรอจังหวะกันหน่อย

 WUBP_1904  WUBP_1870  WUBP_1909  WUBP_1882 

ไต่ลงไปถ่ายรูปกัน มีอันที่โปรโมทที่ฮิตๆเพราะโบกมีลักษณะให้จินตนาการไปต่างๆนาๆ ก็โบกมิกกี้ โบกหัวใจ มีหินหัวหมา ซึ่งนักท่องเที่ยวก็จะไปต่อคิวถ่ายรูปกัน ได้ยินว่าจะเอาไปเปลี่ยนรูปโพรไฟล์เฟซบุ๊ค 555

 WDSC_3104  WUBP_1883  WUBP_1901  WDSC_3115 

หมดวันแรก ก็หมดพลังแล้วนะ ไปหาที่นอนกันละแวกนั้นแหละ เพราะวันพรุ่งนี้จะไปหาดชมดาว ซึ่งอยากไปกันแต่เช้าๆเผื่อแสงจะสวย ไปวนหาที่พักที่อ.นาตาลในตอนโพล้เพล้ ก็งงๆเงียบๆและไม่ได้พักที่ๆหาข้อมูลมา แต่เจออันอื่นก่อนดูสภาพใช้ได้ก็นอนล่ะ แต่การหาที่นอนว่ายากแล้ว การหาข้าวกินนั้นยากกว่า คนต่างจังหวัดโดยเฉพาะอำเภอรอบนอกที่ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวเยอะๆ เค้าไม่กินข้าวนอกบ้านกันหรอก ทำกินกันเอง ร้านข้าวจึงน้อยถึงน้อยมาก และปิดร้านเร็วถึงเร็วมาก กว่าจะหาที่นอนได้ออกมาก็หาข้าวกินไม่ได้ จบที่ร้านเดียวที่เจอคือ หมูกระทะ ฮ่าๆๆๆ และไม่มีข้าวด้วย ขายหมูกระทะล้วนๆ เราเลยกินหมูกันไป 2 ถัง เอาให้อิ่มๆ ฮ่าๆๆๆๆ

วันที่ 2


ตื่นกันแต่เช้า จิบกาแฟเรียกสติ แล้วก็ออกจากที่พักไป หาดชมดาว กันแต่เช้า หาดชมดาวเป็นที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ของอ.นาตาล แต่ป้ายทางเข้ายังไม่ค่อยชัดเจน เราตั้งพิกัด GPS ไปด้วย เลยเลี้ยวถูก เพราะป้ายมันอยู่เลยทางเลี้ยวไปอีก ป่านนี้จะแก้ไขหรือยังก็ไม่รู้ ระยะทางจากตัวอ.นาตาลประมาณ 10 กม.เท่านั้น กะระยะทางให้ดี ทางที่ดีถามชาวบ้านอย่าเลยไปไกล


หาดชมดาวมีหาดทรายด้านหนึ่งที่มีลอนทรายสวยๆ ต้องเดินลุยน้ำไปหน่อยถ้าอยากถ่ายรูป มีนกบินเป็นฝูงให้ส่อง จากนั้นเดินไปอีกด้านจะดูคล้ายๆสามพันโบก แต่เค้าว่าโบกมันน้อยกว่า แต่โบกใหญ่กว่า ที่เด่นกว่าคือ ช่องผาที่สวยงามเวลาแสงส่อง อาจจะมีเงาไปบ้างแต่ก็สวยเพราะลวดลายชั้นหินที่ถูกน้ำถูกลมพัดเซาะมากี่ล้านปีก็ไม่รู้ บางคนเลยเรียกว่าแกรนด์แคนยอนน้อย ที่นี่ก็ปีนก็ไต่หินเยอะเหมือนกัน เหมาะกับวัยที่ยังปี่นป่ายไหว

 WUBP_1945  WUBP_1980  WUBP_2046  WUBP_1997 
 WUBP_1986  WUBP_2004  WUBP_2008  WUBP_2020  WUBP_2001  WUBP_2003 

แดดเริ่มร้อนก็เลยถอยทัพกลับที่พัก อาบน้ำแล้วพักผ่อนนิดหน่อย ก่อนออกเดินทางต่อไปทางอ.เขมราษฎร์ จะไปแวะ หาดทรายสูง มันมีอะไร? บอกตรงๆไม่รู้หรอก พี่ใหญ่จัดโปรแกรมมา ไปถึงที่ก็ร้องอ้อ... มันคือชายหาดหน้าตาคล้ายหาดชมดาว แต่ทรายจะทับถมเป็นเนินสูง เค้าบอกกันว่าทรายนี้คือทรายแม่น้ำโขงที่ลมพัดขึ้นมาทับถมกันจนเป็นเนิน เนินมันก็สวยดีแต่แดดนี่เผาจนกรอบล่ะ เพราะใกล้เที่ยง เลยกดๆกันไปไม่กีภาพ แล้วมานั่งแพกินอาหารกันดีกว่า

 WUBP_2608  WUBP_2097  WUBP_2092  WIMG_20151206_124601 

ยามไม่โดนแดดนั่งกินส้มตำกุ้งเต้นจิบเบียร์เย็นๆลมแรงมากจนหนาวทีเดียว อิ่มก็นอนกลิ้งๆพักผ่อน จนเจ๊เจ้าของร้านมาเม้าว่าเนินหินตรงโน้นมีภาพประวัติศาสตร์อยู่นะไปดูกันมั๊ย เอาวะ หนุ่มๆนอนพัก สาวๆเลยเดินไปดูกันโดยมีเจ๊นำทาง เดินไต่หินกันอีกล่ะ บางช่วงควรถอดรองเท้าเพราะลื่นแต่สุดจะทนเพราะหินร้อนมากกกก แต่เจ๊แกไต่พั่บๆๆๆ เราก็ต้องไต่ตาม มีจุดให้ดู 2-3 จุด แบบว่าไม่แน่ใจว่าใครมาเขียนมาสลักไว้ อารมณ์แบบผาแต้ม บางอันเจ๊แกบอกปลาเป็นตัวทำรอยพวกนี้ อันนี้ต้องหาข้อมูลก่อนเชื่อเจ๊ได้เปล่าไม่รู้

 WUBP_2104  WUBP_2112  WUBP_2116  WUBP_2122 

ไต่หินร้อนพักใหญ่กลับมาเรียกหนุ่มๆจากแพ เพราะเจ๊แกโม้ต่อว่ามีจุดสวยๆอีกจุดที่เรียกพาราไกล์ จากตรงนี้ต้องนั่งหางยาวไป ถามหนุ่มๆแล้วฮีบอกไม่เอาอ่ะ เจ๊แกเลยบอกว่างั้นไปรถก็ได้ อ้าววว เจ๊แกเอามอเตอร์ไซต์นำไป ย้อนกลับออกไปตามทางที่เข้ามาสักครึ่งทางแกเลี้ยวแยกไปอีกไม่มีป้ายมีอะไรเลย ทางลูกรังวิ่งปุเรงๆไปพักนึงก็มาถึง เจ๊แกมีที่พักตรงนี้ ของแกหรือญาติแกมะรู้ แต่วิวสวยจัดเลยนะ มองลงไปก็สวยแล้ว เจ๊แกพาลงไปเดินตรงนั้นอีก หลานแกลงมาด้วย เนินทรายที่นี่ก็ดูแววจะสวย หลานสาวเล่าว่าปีที่แล้วเนินทรายสูงท่วมหัว ปีนี้ยังน้อย แต่ละปีมันไม่เท่ากันด้วย วิวก็สวยงามพอได้ แต่มันก็คล้ายๆกันไปหมดแล้ว ถ่ายรูปกันสักพัก ก็แยกกัน ขอบคุณเจ๊มากๆ ไม่ได้สมนาคุณเจ๊เลย เจ๊แกก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แกบึ่งรถรีบกลับแพ

 WIMG_20151206_153523  WUBP_2126  WUBP_2134  WUBP_2136 

วันนี้พวกเราเข้ามาหาที่พักในอ.เขมราษฎร์ เกือบต้องนอนวัดเพราะที่พักเต็มหมด ที่ดังๆอย่างแลโขง อย่างบ้านกงพะเนียงนี่อย่าได้หวัง สุดท้ายมาได้ห้องพัก 2 ดาวที่มีแค่ 10 กว่าห้องถัดจากบ้านกงพะเนียงไปนิดนึง สภาพก็พอไหว หลังจากพวกเราเอาไป 2 ห้อง แป๊บเดียวเต็มเลย โชคดีไป เขมราษฎร์เริ่มดังเพราะมีความชิคแอนด์ชิล คนเลยเยอะ คิดว่างั้น แต่พอไปเดินเล่นในเมืองจริงๆกลับไม่เห็นคนเท่าไหร่ อาจเพราะคนมานอนแล้วออกไปเที่ยวรอบนอกกัน แล้วก็ตรงย่านคึกคักสุดคือถนนคนเดิน เค้าก็มีทุกวันเสาร์ที่ 2 และวันเสาร์ที่ 4 ของเดือน เรามาวันอาทิตย์ซะงั้นเลยเงียบเหงาไปหน่อย แต่หลักฐานว่าคนเยอะนอกจากที่พักเต็มคือร้านอาหารเต็ม ต้องไปกินร้านอาหารตามสั่ง ร้านดังๆอย่างร้านกงพะเนียงนี่ไม่ต้องพูดถึง โต๊ะไม่ว่างเลย ถึงได้นั่งสั่งแล้วไม่รู้ได้กินกี่โมง



วันที่ 3


พี่ใหญ่ลากออกมาแต่เช้ามืด ฮีว่าอ่านมาว่าแถวนี้มีบัวแดง เอาวะไปกัน GPS บอกมา ก็ไปตามนั้น สุดท้ายก็มาเจอบึงในป่ารกๆ จอดรถลงไปเลาะริมบึงดู บัวมันไม่เยอะ แถมอยู่ไกลอีก ดูกันไม่นานเลยกลับที่พัก

 WUBP_2178  WUBP_2192 

เช้านี้ใช้เวลาในเขมราษฎร์กันหน่อย เดินเล่นไปตามถนนกงพะเนียง ถนนวิศิษฐ์ศรี มีบ้านเก่าๆสวยๆให้ถ่ายรูปอยู่หลายหลัง ช่วงถนนคนเดินมีรร.เก่า รร.สุขสงวน เค้าปิดไว้กำลังบูรณะแต่เข้าไปชมได้ ฝั่งตรงข้ามมีชมรมอนุรักษ์เขมราษฎร์ เข้าไปดูภาพถ่ายโบราณ ดูบ้านทรงเดิมๆอย่างบ้านขุนศรีฯ พวกนี้ก็เป็นไฮไลต์ของเขมราษฎร์

 WUBP_2227  WUBP_2212  WUBP_2217  WUBP_2234  WUBP_2253  WUBP_2257  WUBP_2263  WUBP_2267 

เดินวนกลับมาผ่านวัดโพธิ์ไหว้พระใหญ่ แล้วเดินต่อมาถึงริมน้ำ ตั้งใจเดินเลาะริมน้ำผ่านด้านหลังร้านอาหารบ้านกงพะเนียงเพื่อกลับที่พัก เดินมาเกือบสุดรั้ววัดโพธิ์นี่แทบช็อค ถ้าเมื่อคืนเดินเล่นผ่านมาตอนมืดคงช็อคจริงๆ คนออกแบบก็ทำได้อลังการงานสร้างจริงๆ


 WUBP_2280  WUBP_2273 


เที่ยงๆก็ออกจากเขมราษฎร์ จุดหมายคือเข้าไปนอนที่อ.เมือง อุบล เจ้ากุ้งจองรร.ไว้แล้ว ระหว่างทาง พี่ใหญ่มีที่นำเสนออีก เราเลยแวะเข้าไปที่ แก่งช้างหมอบ ตั้ง GPS เอาละกัน บอกทางไม่ถูก จากทางแยกเข้าไปไม่กี่กม.ขับมาจนถึงริมแม่น้ำโขง มีจุดพักรถเล็กๆ สามารถหาเช่าเรือข้ามไปเดินเล่นเกาะกลางลำน้ำได้ เราโชคดีเจอพี่ทศพล แกบุกเบิกการท่องเที่ยวแก่งช้างหมอบนี้ พี่แกพาเรานั่งเรือไปเกาะกลางน้ำพาเดินชมต้นแซงซุมที่โอนเอนตามกระแสน้ำแต่ไม่ล้ม สวยแปลกตาดี กลางเกาะมีจุดพบซากกระดูกช้างโบราณ เป็นที่มาของชื่อแก่งช้างหมอบ ตอนนี้เหลือแต่รอย เพราะของจริงเค้าว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่นเอาไปวิเคราะห์ไม่ยอมส่งคืนสักที พี่เค้าว่างั้น


 WUBP_2283  WUBP_2294  WUBP_2307  WUBP_2311  WUBP_2317  WUBP_2319  WUBP_2325  WUBP_2332 

เรือพาอ้อมไปด้านหลังเกาะ แบบไม่ต้องเดินผ่าเกาะ ด้านหลังก็มีแอ่ง หรือโบกงามๆอยู่เพียบ ถ่ายรูปกันสนุกไป คนไม่มีเลย ถ่ายรูปสบายใจมาก แต่บอกตามตรงเราผ่านมาหลายโบกแล้ว เลยตื่นเต้นน้อยลง 55

 WUBP_2378  WUBP_2373  WUBP_2352  WUBP_2362  WUBP_2349  WUBP_2369 

เข้ามาถึงตัวเมืองอุบลตอนบ่ายแก่ๆ รีบบึ่งไปหนองหญ้าม้าก่อนเลย จะดูว่าทุ่งกระดุมในหลุมระเบิดยังเหลือแค่ไหน คนเริ่มรู้กันเยอะล่ะ มากันเยอะขึ้นเจ้ากุ้งบอก ก็มีเละเทะไปบ้าง แต่ด้วยว่าทุ่งมันใหญ่อลังการ เลยพอมีเหลือให้ถ่ายได้อยู่ ลงไปลองเล็งมุมกันไม่นานก็มืดล่ะ เอาไว้มาใหม่เช้าพรุ่งนี้นะ ฝากไว้ก่อน

 WUBP_2385  WUBP_2386  WUBP_2415  WUBP_2467 

คินนี้นอนรร.กลางเมือง ทำเลดี๊ดี เดินข้ามถนนมาก็ตลาดอาหารล่ะ กินกันตามสะดวก อากาศเริ่มดีลมแรง มีพลุงานอะไรไม่รู้ให้ชมระหว่างซัดข้าวจี่ด้วย อิ่มแล้วรีบไปนอนพักเอาแรง

วันที่ 4


ตื่นแต่เช้าไปลงทุ่งกระดุมกัน วันนี้วันทำงานล่ะหมดหยุดยาวไปแล้ว คนในทุ่งเลยน้อยถึงน้อยมากแถมเป็นตอนเช้าด้วย พวกเราแยกย้ายกันหามุมถ่าย(รูป)ตามสะดวก 555 พยายามเดินตามทางที่มีคนเดินไว้แล้ว ไม่เหยียบเพิ่ม จะได้มีเหลือให้คนอื่นๆมาถ่ายบ้าง จุดที่นั่งถ่ายคือหลุมระเบิด จริงๆนะ มันเป็นหลุมระเบิดที่ทหารใช้ซ้อมยิงปืนใหญ่กัน พอหน้าดอกไม้บานก็ปล่อยบานไป

 WUBP_2476   WUBP_2535   WUBP_2561   WUBP_2602-1   WUBP_2485   WUBP_2491   WUBP_2589   WUBP_2595 

ได้รูปกันมาพอสมควร กลับรร.ไปอาบน้ำ ออกมาหาอาหารเวียดนามกิน ไม่งั้นไม่ครบสูตร เสิร์ชดูเค้าแนะนำ ร้านสบายใจอาหารเวียดนาม วนรถตาม GPS มึนพอหิวก็หาเจอ หน้ามืดสั่งซะเต็มโต๊ะ อิ่มดีก็ไปสนามบิน กลับบ้านล่ะเด้อ เหนื่อยจังทริปนี้


Tag: #อุบลราชธานี #เขมราษฏร์ #สามพันโบก #หาดชมดาว #หาดทรายสูง #แก่งช้างหมอบ #หนองหญ้าม้า

No comments:

Post a Comment